โบรกคาด 'วอลุ่ม' ไตรมาส2วูบ

โบรกคาด 'วอลุ่ม' ไตรมาส2วูบ

โบรกคาด "วอลุ่ม" ไตรมาส2วูบ หวั่นปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า-ราคาหุ้นสูงเกินพื้นฐาน สมาคม บล.ประเมินเหลือ "4หมื่นล้านต่อวัน"

นายกสมาคมบล.คาดมูลค่าการซื้อขายตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2 วูบ เหลือ 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน เหตุไร้ปัจจัยหนุน ราคาหุ้นสูง และความเสี่ยงตลาดเพิ่มขึ้น มองการแข่งขันธุรกิจบล.ยังอยู่เกณฑ์ดีไม่น่ากังวล แนะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้าน “หยวนต้า”เดินหน้าพัฒนาระบบซื้อขาย  

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยเปิดเผยว่า ภาพรวมของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงไตรมาสที่2 ของปีนี้ คาดว่ามูลค่าการซื้อขายน่าจะอยู่ในระดับ 4 หมื่นล้านบาท และจะไม่คึกคักเท่ากับไตรมาสที่ 1ที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ เข้ามาสนับสนุน อีกทั้งยังมีปัจจัยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

“มูลค่าการซื้อขายในไตรมาสที่ 2 มองว่าน่าจะเบาบางกว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ เพราะยังไม่มีปัจจัยในเชิงบวกอะไรเข้ามาสนับสนุนให้มูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ และมูลค่าการซื้อขายที่ระดับ 4 หมื่นล้านบาท ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสมและโบรกเกอร์สามารถทำธุรกิจได้”

ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า ความเสี่ยงในตลาดหุ้นไทยเริ่มมีมากขึ้น เนื่องจากกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาต่ำกว่าที่นักลงทุนประเมินไว้ ประกอบกับหุ้นในหลายหลักทรัพย์มีราคาปิดกำไรต่อหุ้นหรือค่าพีอีเรโช อยู่ในระดับที่สูงมาก อาจแพงเกินไป หากนำมาเปรียบเทียบกับมูลค่าพื้นฐานของบริษัท ทำให้กรอบการปรับเพิ่มขึ้นอาจจะจำกัด  ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประเมินว่า จะไม่มีกระแสเงินทุนต่างชาติเข้าสนับสนุนทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหมือนปีที่ผ่านมา

สำหรับการปรับตัวของบริษัทหลักทรัพย์ช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีทิศทางที่ดี และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนมากขึ้น อย่างไรก็ตามในสิ่งที่สมาคมมองว่าบล.ควรจะต้องเน้นการพัฒนา คือการยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน

นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้คาดว่า จะไม่ร้อนแรงเหมือนกับปีก่อน หลังจากที่ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน อีกทั้งดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูง จึงมองว่าปีนี้ อาจไม่ใช่ปีที่ดีของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม บล.หยวนต้า มองว่าปีนี้เป็นที่ดีที่จะลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์ และบริษัทเริ่มให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มตัวภายในเดือนก.ค.นี้  ซึ่งระหว่างที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นเบาแบ่ง จะหันไปเน้นระบบการซื้อขายภายในให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อรองรับการฟื้นตัวของมูลค่าการซื้อขายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการวางระบบการซื้อขายนั้น บริษัทได้ลงทุนด้านไอทีไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท และได้มีการปรับปรุงไปกว่า 70% และคาดว่าพร้อมที่จะให้บริการเต็มรูปแบบเดือนก.ค.2560

นาย ชาญชัย กงทองลักษณ์กรรมการอำนวยการบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้นักลงทุนควรต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากประเมินว่า ปัจจัยต่างประเทศอาจจะมีอิทธิพลและกดดันตลาดหุ้นไทย เช่นปัจจัยเรื่องนโยบายการปรับภาษีนิติบุคคลของประเทศสหรัฐ หากมีการดำเนินการจริง อาจส่งผลกระทบให้เกิดการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยอย่างรุนแรงได้  ทั้งนี้นักลงทุนควรจะใช้หาจังหวะ เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมมากขึ้น 

   ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ล่าสุด ณ วันที่ 24 มี.ค.2560 ดัชนีหุ้นอยู่ที่ 1,573.51 จุด  และดัชนีปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1591.00จุด ขณะที่พีอีเรโชของตลาดรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 17.30 เท่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่15,423,925.74 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ระดับ 49,368.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ของปีก่อนอยู่ที่ 45,168.38  ล้านบาท 

สำหรับการแยกการซื้อขายของนักลงทุนแต่ละประเภท ประกอบด้วย นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ 9,159.57  ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 29,068.21 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์  ซื้อสุทธิ  557.77  รายย่อย ขาย 20,466.41 ล้านบาท