'เอเพ็กซ์' กลับเทรด รุกอสังหาท่องเที่ยว

'เอเพ็กซ์' กลับเทรด รุกอสังหาท่องเที่ยว

"เอเพ็กซ์" รุกอสังหาท่องเที่ยว มั่นใจ 3ปี "รายได้โตกระโดด"

บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) APX เป็นบริษัทลำดับ 2 ที่กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2560 ซึ่งล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณาอนุมัติให้ เอเพ็กซ์ กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. 2560 เป็นต้นไป

พงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) APX กล่าวว่า ในปี 2560 ว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จะดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2559 โดยกลยุทธ์หลักของเอเพ็กซ์ในการสู้กับศึกอสังหาริมทรัพย์ คือ การเน้นพัฒนาอสังหาฯที่เกาะติดกับความเจริญรุ่งเรืองของธุรกิจการท่องเที่ยว ให้ผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับผู้ซื้อโครงการทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ปัจจุบัน เอเพ็กซ์ มีโครงการที่กำลังพัฒนาตามแผนดำเนินงานในปี 2560-2563 จำนวน 4 โครงการหลัก คือ 1.โครงการ Movenpick Resort &Residences ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ในปี 2559 รวมมูลค่า 670 ล้านบาท เริ่มดำเนินการขายไปแล้ว และจะโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2560 นี้

2.โครงการ Sheraton Phuket Grand Bay Resort รวมมูลค่าโครงการ 4.2 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปลายปี 2562 และกลางปี 2563 , 3.โครงการ Four Points by Sheraton Pattaya Resort และ Jomtien Bay Residence เป็นโครงการที่ซื้อโรงแรมเก่าชื่อ Sigma Resort ซึ่งอยู่ในพื้นที่เหมาะกับการรองรับนักท่องเที่ยว มูลค่าโครงการเมื่อตกแต่งแล้วเสร็จ ประมาณ 1.98 พันล้านบาท เริ่มเปิดให้บริการในปี 2561 และยังมีส่วนที่จะพัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัยอีก ซึ่งจะก่อสร้างตกแต่งแล้วเสร็จปลายปี 2563 รวมมูลค่าโครงการประมาณ 3.83 พันล้านบาท

และ 4.โครงการ Hotel & Residences ตั้งอยู่ที่ภูเก็ต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2.85 พันล้านบาท กำหนดงานก่อสร้าง และตกแต่งแล้วเสร็จกลางปี 2563

จากแผนการดำเนินงานที่มีความชัดเจนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทในอนาคตเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน"

ทั้งนี้ ชื่อของพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ เป็นที่คุ้นหูสำหรับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์รุ่นเก๋า โดยเขาเป็นหนึ่งในผู้สร้างเครือแกรนด์ แอสเสท ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีเสน่ห์มากเสียจนได้รับการทาบทามเข้าถือหุ้นโดยนักลงทุนต่างชาติอย่างเลห์แมน บราเธอร์ส ซึ่งเข้ามาถือหุ้นในนาม Giant Mauritius Holdings ก่อนที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่

การเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกครั้งในจังหวะนี้ พงษ์พันธ์ ยังเชื่อว่าโอกาสในการพัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยไม่ได้จำกัดเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยเท่านั้นโดยโอกาสของเอเพ็กซ์ มีหลากหลาย อาทิ อสังหาฯการแพทย์ ซึ่งอาจจะมีการจับมือกับพันธมิตรเพิ่ม สอดรับกับนโยบายเมดิคัล ฮับของไทย และอสังหาเชิงท่องเที่ยว ซึ่งเอเพ็กซ์ชูเป็นกลยุทธ์หลัก

โดยจุดแข็งของเอเพ็กซ์ คือสามารถเลือกซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่มีศักยภาพ ในราคาเหมาะสมทั้งจากกระบวนการบังคับคดี และ ทั่วๆไป เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงเป็นโรงแรม และเรสซิเด้นซ์ พร้อมกับดึงเชนโรงแรมชื่อดัง เข้ามาบริหารจัดการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ สร้างรายได้ที่ดีให้ลูกค้าที่เข้าลงทุน ทำให้ได้รับผลตอบแทนทั้งในระยะสั้น และระยะยาวที่มั่นคง

สำหรับการกลับเข้าซื้อในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งในรอบ 18 ปี พงษ์พันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการหารือกับนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในระหว่างที่เอเพ็กซ์ดำเนินการเพิ่มทุนและแก้ไขปรับปรุงธุรกิจ ซึ่งได้ให้มีการอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน แนวโน้มการเติบโตแก่กลุ่มผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นถือหุ้นลงทุนในระยะยาว 

โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า ผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงานของบริษัท(Strategic Shareholders) ของเอเพ็กซ์ จำนวน 18 ราย นำหุ้นรวมกัน 1,649.91 ล้านหุ้น หรือ 55% ของทุนชำระแล้ว 2,999.85 ล้านบาท ได้ให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่าจะไม่นำหลักทรัพย์ทั้งหมดของตนออกขายภายใน 1 ปี (Silent Period) นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของเอเพ็กซ์ กลับมาซื้อขาย โดยได้รับการผ่อนผันให้เมื่อครบกำหนด 6 เดือน สามารถทยอยขายหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ในจำนวน 25% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขาย

 ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานระยะเวลา 1 ปี และงวดสะสมก่อนยื่นขอ ซึ่งงบการเงินประจำปี 2558 และ 2559 เท่ากับ 53.24 ล้านบาท และ 31.60 ล้านบาท โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้น 819.57 ล้านบาท