สอบปากคำทหาร 'พ.อ.' ขอศาลออกหมายจับ2คนร้าย คดีฉาวเวทีมวยดัง

สอบปากคำทหาร 'พ.อ.' ขอศาลออกหมายจับ2คนร้าย คดีฉาวเวทีมวยดัง

ตำรวจนครบาล สอบปากคำทหารยศ "พ.อ." พร้อมขอศาลออกหมายจับ2คนร้าย คดีฉาวตีหัวกรรมการ-ฆ่ารภป.เวทีมวยลุมพินี

จากกรณีคนร้าย 2 คน สวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า ขับขี่รถจยย.ฮอนด้า คลิก ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาภายในพื้นที่สนามมวยลุมพินี แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ก่อนคนร้ายที่ซ้อนท้ายรถจยย. จะลงมาพร้อมไม้ ก่อนใช้ไม้ตีศรีษะนายอุดม ดีกระจ่าง อายุ 58 ปี ประธานกรรมการฝ่ายเทคนิคของสนามมวยดังกล่าว จนได้รับบาดเจ็บ และนายอนุชา ประทุมมา อายุ 24 ปี รปภ.ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุได้เข้ามาช่วยเหลือจนถูกคนร้ายอีกคนที่คร่อมรถจยย.อยู่ยิงใส่จนชีวิต หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไป

ทั้งนี้ตำรวจตั้งประเด็นเรื่องปัญหาเกี่ยวกับการตัดสินมวย เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 24 มี.ค.

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 มี.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวทหารยศ "พ.อ." อดีตประธานกรรมการฝ่ายเทคนิค ซึ่งทำหน้าที่ก่อนนายอุดม มาสอบปากคำโดยให้การว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับนายอุดมแต่อย่างใด โดยเข้าดำรงตำแหน่งในปี 2557 และได้ขอลาออกจากตำแหน่งประธานในเดือน ส.ค. ปี2559 และนายอุดมก็มาดำรงตำแหน่งต่อ ซึ่งตนกับนายอุดม ก็มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้พ.อ.รายดังกล่าวยังยอมรับว่าปัญหาการตัดสินมวยที่สนามมวยลุมพินี มีปัญหามาตลอดในเรื่องผลการตัดสิน แต่ไม่มีใครกล้ามาทำร้าย เนื่องจากตนเป็นนายทหาร แต่นายอุดมเป็นพลเรือนธรรมดาจึงทำให้ถูกทำร้าย

รายงานข่าวยังแจ้งอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมเรียกสองผู้กว้างขวางในวงการมวย และปรากฏชื่อถูกโจมตีในใบปลิวที่มีการแจกจ่ายกันในสนามมวยลุมพินี มาให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวนใน 1-2 วันนี้ นอกจากนี้จะเรียกเซียนมวยที่สนามมวยลุมพินีมาสอบปากคำด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานไปขออำนาจศาล อาญารัชดาภิเษกออกหมายจับ 2 คนร้ายตามภาพวงจรปิดในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะ ครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ภายในวันที่ 27 มีนาคมที่จะถึงนี้

ส่วนการติดตามตัวคนร้าย จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทางเจ้าหน้าที่พบว่าก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 12.00 น. ( 24 มี.ค. ) คนร้าย 2 คนได้ขับขี่และซ้อนท้ายรถจยย. เข้าไปในซอยรามอินทรา5 ก่อนจะแวะซื้อเหล้าจากร้านค้าซึ่งห่างจากปากซอยประมาณ 50 เมตร ก่อนจะขับรถออกมาทางด้านปากซอย ซึ่งทางร้านค้าก็ไม่ได้ให้การอะไรที่เป็นประโยชน์มากนัก เนื่องจากอยู่ในอาการหวาดกลัวเกรงว่าคนร้ายจะกลับมาทำร้าย

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามถนนแจ้งวัฒนะ ทั้งเส้นเพื่อหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย โดยประสานกับทางสภ.ปากเกร็ด เพื่อตรวจสอบกล้องเพิ่มเติม ขณะที่คนซ้อนซึ่งลงรถตรงข้ามห้างเซ็นทรัลรามอินทรานั้น เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจสอบกล้องบริเวณดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจหาเส้นทางคนร้ายที่เป็นคนซ้อนท้ายว่ามีการหลบหนีไปทางใด