รัฐบาลขานรับมุ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวรายใหญ่ของโลก

รัฐบาลขานรับมุ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวรายใหญ่ของโลก

รัฐบาลขานรับสภาท่องเที่ยวโลก มุ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกภายใน 10 ปี เล็งยกระดับแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น ชูเอกลักษณ์ไทยในระดับอินเตอร์

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกยินดีที่สภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลก (WTTC) คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเป็นตลาดส่งออกนักเดินทางรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกแทนประเทศสเปน ภายในปี 2570 ถัดจากจีนและอินเดีย แม้จะมีความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองเกิดขึ้นทั่วโลก

"ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวและเดินทางในประเทศไทยขยายตัวมากที่สุดในอาเซียนใกล้เคียงกับเวียดนาม คือ ร้อยละ 10.7 ตามด้วยฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ส่วนภาพรวมของการท่องเที่ยวและเดินทางโลกขยายตัวมากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ 3.3 เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน สร้างรายได้ทั่วโลกราว 263.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.2 ของจีดีพีโลก"

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอยากให้ภาครัฐ เอกชน และประชาสังคมใช้โอกาสนี้ร่วมกันรักษามรดกด้านการท่องเที่ยว เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ ประเพณีวัฒนธรรม อัธยาศัยไมตรีและการบริการที่ดี รวมทั้งยกระดับคุณภาพมาตรฐานของการให้บริการให้ดีขึ้นอีกเทียบเท่าระดับสากล ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ที่พัก ห้องน้ำ โปรแกรมการท่องเที่ยว ความซื่อสัตย์ของผู้ให้บริการ การสื่อสารภาษาอังกฤษ ฯลฯ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของโลกเร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ถึง 10 ปี

"ท่านนายกฯ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัด อำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ร่วมกันคิดและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่นเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ให้แก่นักเดินทาง ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนไทยในแง่มุมที่แตกต่างกันและใช้เวลาท่องเที่ยวให้นานขึ้น ทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ พร้อมทั้งสร้างกิจกรรมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่งหรือชุมชนใกล้เคียง และเชื่อมต่อไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภูมิภาคอาเซียน"

สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลเห็นชอบสนับสนุนงบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ระยะ 3 ปี ระหว่างปี 2561 – 2563 เป็นการเอื้อประโยชน์แก่คนบางกลุ่มนั้น ขอเรียนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการด้านการท่องเที่ยวเป็นผู้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม จึงให้ความเห็นชอบ โดยไม่ได้มองว่าเป็นของใคร หรือพวกใครทั้งสิ้น