โรงแรมแข่งเดือด“ทีซีซี”ลุยเปิด50โรงใน5ปี 

โรงแรมแข่งเดือด“ทีซีซี”ลุยเปิด50โรงใน5ปี 

ทีซีซี กรุ๊ป ส่งบริษัทลูก แอสเสท เวิรด์ ตั้งเป้าลงทุน 50 โรงแรมใน 5 ปี ดันจำนวนโรงแรมในไทยเฉียด 100 แห่ง ชูบทบาทผู้พัฒนาโครงการโรงแรมเติบโตเร็วสุดในเอเชีย

สถานการณ์แข่งขันธุรกิจโรงแรมที่ดุเดือดในไทย จากปริมาณห้องพักล้นเกิน ที่ผ่านมายังเห็นการปิดตัวของโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ขณะที่โรงแรมในตำนานอย่าง“ดุสิตธานี กรุงเทพ” ปรับตัวครั้งใหญ่ ด้วยการผนึกกำลังบมจ.เซ็นทรัลพัฒนา พลิกโฉมโรงแรม คู่กับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสาน 

ล่าสุดธุรกิจโรงแรม ของกลุ่มไทยเจริญ คอร์ปอเรชั่น หรือ เครือทีซีซี ซึ่งปัจจุบันถือเป็นกลุ่มที่เป็นเจ้าของโรงแรมมากที่สุดในไทย นอกจากจะประกาศแผนรุกการลงทุนต่อเนื่องแล้ว ยังกำลังจะปรับโครงสร้างการเงินครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 

นิชันท์ โกรเว่อร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมในเครือที่มีอยู่กว่า 46 แห่งทั่วโลก แบ่งเป็นโครงการในไทยกว่า 38 แห่ง สามารถทำรายได้เติบโตในปีที่ผ่านมากว่า 13% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจโรงแรมทั้งหมดที่เติบโตไม่เกิน 10% ทำให้วางวิสัยทัศน์การขยายธุรกิจโรงแรมในเชิงรุกต่อเนื่อง 

ตั้งเป้าเปิด50โรงแรมใน5ปี

โดยตั้งเป้าหมายภายในปีนี้จะมีโรงแรมเพิ่มเป็น 48 แห่ง และในระยะ 5 ปีจากนี้ (2560-2564) จะมีโรงแรมเฉพาะในไทยเพิ่มอีกราว 50 แห่งกระจายทั่วประเทศ ทำให้เมื่อรวมกับปัจจุบันจะมีจำนวนใกล้เคียง 100 โรงแรม ตอกย้ำบทบาทการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านการบริการที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศ จากที่ปัจจุบันถือเป็นกลุ่มที่เป็นเจ้าของกิจการโรงแรมมากที่สุดในไทย

สำหรับธุรกิจโรงแรม บริหารงานภายใต้กลุ่มธุรกิจย่อย บริษัท แอสเสท เวิรด์ ลีเฌอร์ จำกัด สามารถสร้างรายได้ในสัดส่วนราว 80% เมื่อเทียบกับอีก 4 ธุรกิจย่อยที่อยู่ในเครือ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย, กลุ่มธุรกิจรีเทล, กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน และกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยในปี 2560 ตั้งเป้ารายได้เติบโตต่อเนื่อง 30% โดยมี 3 โครงการใหม่ที่เปิดให้บริการ ได้แก่ โรงแรมเดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก จำนวน 38 ห้อง ในกรุงเทพฯ ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือน ก.พ. ส่วนอีก 1 แห่งเป็นโครงการสร้างใหม่ในกรุงเทพฯ เช่นกันที่มอบหมายให้แมริออท เป็นผู้บริหาร และอีก 1 แห่งเป็นโครงการที่จะบริหารเอง ตั้งอยู่ในเชียงใหม่ เป็นโครงการที่รีแบรนด์มาจากกิจการโรงแรมเดิมที่มีอยู่แล้ว

เชนบริหาร”คู่ขนาน“บริหารเอง”

นายนิชันท์ กล่าวว่า กลยุทธ์การขยายโรงแรมของแอสเสท เวิรด์ ต่อไป จะยังคงยึดแนวทางแบ่งสัดส่วน 50% เท่ากันระหว่างโครงการที่มอบหมายให้บริษัทรับบริหารจัดการนานาชาติ (เชน) ที่มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเข้ารับบริหาร และโครงการที่รับบริหารเองซึ่งอยู่ระหว่างการปรับเซกเมนต์และจัดกลุ่มแบรนด์ให้เหมาะสม โดยในจำนวน 46 โรงแรมที่มีอยู่ แบ่งเป็นโครงการที่บริหารเองอยู่แล้วกว่า 26 แห่ง และให้เชนรับบริหาร 20 แห่ง โดยมีเชนที่ทำงานร่วมกัน อาทิ ฮิลตัน, สตาร์วู้ด, ไอเอชจี, โอกุระ, แมริออท, บันยันทรี เป็นต้น

เปิด4แบรนด์บริหารเอง 

ทั้งนี้ ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ จะได้ข้อสรุปในรายละเอียด พร้อมการเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ที่พัฒนาเองขึ้นมาใน 4 คอลเลคชั่น ได้แก่ ดิ อิมพีเรียล คอลเลคชั่น, เดอะ เวลเนส คอลเลคชั่น, เดอะ ฟลอรัล คอลเลคชั่น และ ดิ แอท คอลเลคชั่น ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมการตลาดในทุกเซกเมนต์การท่องเที่ยวในไทย โดยโรงแรมเดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก ที่เปิดตัวไปแล้ว ถือเป็นการนำร่องในกลุ่มเดอะ เวลเนส คอลเลคชั่น ที่จะเน้นบริการดูแลสุขภาพครบวงจร ด้วยการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ปรับปรุงเรือนเก่า ร.6ผุดโรงแรม

โครงการดังกล่าว ปรับปรุงจากเรือนเก่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ถือเป็นทำเลส่วนหนึ่งของอาณาบริเวณวังเทเวศร์ ในเขตพระนคร พื้นที่รวมกว่า 900 ตร.ม. ซึ่งมาจากการซื้อที่ดินส่วนหนึ่งและเช่าที่ดินส่วนหนึ่งจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งเป้าว่าหลังจากเปิดให้บริการครบ 1 ปีจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยราว 75-80% มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าต่างชาติ 60% เนื่องจากใกล้กับทำเลที่มีชาวต่างชาติเดินทางมาทำงานและท่องเที่ยว เช่น สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และคาดว่าจะมีลูกค้าคนไทยกว่า 40% เพราะมีจุดเด่นด้านการเป็นรีสอร์ทใจกลางเมืองที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ จึงพร้อมนำเสนอบริการให้ลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์

เตรียมปรับโครงสร้างการเงิน-ลงทุน

นายนิชันท์ กล่าวด้วยว่า ด้วยการตั้งเป้าโรงแรมเพิ่มอีก 50 แห่ง ทำให้ภายในปีนี้บริษัทเตรียมปรับโครงสร้างการบริหารจัดการด้านการเงิน และศึกษาแนวทางการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัว โดยจะศึกษาแนวทางระดมทุนเปิดกว้างทุกทาง เช่น การจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) ด้วย แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างจัดทำแผน จึงยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

“วางเป้าหมายให้บริษัทเป็นนักพัฒนาอสังหาฯที่ขยายกิจการได้รวดเร็วและมีรายได้เติบโตมากที่สุดในเอเชีย ทุกโครงการเน้นการลงทุนเอง โดยยังไม่มีแผนการขยายกิจการในรูปแบบรับบริหาร"

ทั้งนี้ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์ และเป็นไฮไลท์ เช่น การจับมือกับแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวโรงแรมแมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ซึ่งเป็นระดับท็อปแบรนด์ของแมริออทโครงการแรกในเอเชีย และยังเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ด้วยจำนวนกว่า 1,300 ห้อง ขณะที่โรงแรมเดอะ ระวีกัลยา ก็จะเป็นต้นแบบในด้านการสร้างโรงแรมที่มีคุณค่าและเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ เมื่อการปรับแผนพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง 4 คอลเลคชั่นเรียบร้อย พร้อมจัดโครงสร้างทางการเงินแล้วเสร็จ เมื่อถึงปี 2561 จะเห็นโฉมใหม่ของแอสเสท เวิรด์ ที่พร้อมเปิดฉากตัวแข่งขันในธุรกิจโรงแรมอย่างเต็มตัวมากขึ้น

พัฒนาแบรนด์อิมพีเรียลโฉมใหม่

นอกจากนั้น ยืนยันว่าแบรนด์อิมพีเรียล โรงแรมเก่าแก่ของทีซีซี กรุ๊ป จะยังได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีศักยภาพรองรับตลาดเต็มที่กว่าเดิม ปัจจุบันยังมีโรงแรมดังกล่าวครอบคลุมทำเลที่ดีหลากหลายจังหวัด เช่น อิมพีเรียล ภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท จ.เพชรบูรณ์ และอิมพีเรียล เชียงราย เป็นต้น และจะเห็นได้ว่าใน 4 คอลเลคชั่นยังคงมีกลุ่มอิมพีเรียล เป็นหนึ่งในแบรนด์หลักสำหรับการขยายกิจการต่อเนื่อง