(สกู๊ป) 5 นักแบดฯรวยสุดในโลก

(สกู๊ป) 5 นักแบดฯรวยสุดในโลก

แม้ "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันมือ 7 ของโลก จะพลาดหวังจากแชมป์รายการโยเน็กซ์ ออล อิงแลนด์ โอเพน 2017 ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ

   รัชนกได้เงินรางวัลจากการคว้าตำแหน่งรองแชมป์อยู่ที่ 22,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 763,000 บาท) ทำให้ยอดเงินสะสมของรัชนกตั้งแต่เล่นแบดมินตันอาชีพอยู่ที่ประมาณ 700,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 23.4 ล้านบาท) แต่ก็ยังไม่ทำให้เธอเข้าไปติดโผอันดับนักตบลูกขนไก่ที่มีรายได้สูงสุด

หลายคนคงอยากรู้ว่า แล้วใครที่เป็นนักแบดมินตันที่รวยที่สุดในโลก?

 อันดับ 5 ไซนา เนห์วาล (อินเดีย, 17.5 ล้านดอลลาร์)

     ซูเปอร์สตาร์นักตบลูกขนไก่สาวจากแดนภารตะ เป็นนักแบดมินตันหญิงเพียงคนเดียวที่ทะลุขึ้นมาติดท็อป5 นอกจากเธอจะเป็นนักตบลูกขนไก่หญิงอินเดียเพียงคนเดียวที่ทะลุขึ้นถึงมือ 1 โลก ยังเป็นนักกีฬาหญิงของอินเดียที่ทำรายได้สูงสุดเป็นลำดับ2ต่อจากซาเนีย เมียร์ซา นักเทนนิส โดยเนห์วาลได้เงินรางวัลอัดฉีดจากรัฐบาลของอินเดียในฐานะคว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกลอนดอน 2012 เป็นจำนวนเงิน 450,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15 ล้านบาท)

อันดับ 4 ปีเตอร์ เกด (เดนมาร์ก, 20 ล้านดอลลาร์)

     นักแบดมินตันเพียงคนเดียวที่เลิกเล่นไปแล้วแต่ยังติดอยู่ในโผรายได้สูงสุด เกดยึดบัลลังก์มือ1โลกยาวนานตั้งแต่ปี 1998-2001 ผงาดแชมป์ออล อิงแลนด์ ในปี1999 ,รองแชมป์โลกในปี2001 รวมถึงแชมป์ยุโรป5สมัย โดยนักแบดเดนมาร์กวัย40ปีคนนี้ เคยคว้าแชมป์รวมแล้วถึง 22 รายการ เป็นอีกหนึ่งนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของวงการ

 อันดับ 3 เฉิน หลง (จีน, 22.5 ล้านดอลลาร์)

     นักตบลูกขนไก่แดนมังกร ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน หลังจากแจ้งเกิดในฐานะแชมป์เยาวชนโลกปี 2007 เฉิน หลงก็พัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็ว โดยนับถึงเวลานี้ เขากวาดแชมป์ไปแล้วถึง 27 รายการ โดยเฉพาะในปี 2015 ปีเดียว ที่โชว์ฟอร์มไร้เทียมทานคว้าไปถึง 7 แชมป์

     ขณะที่แชมป์รายการสำคัญ เฉิน หลง ก็กวาดมาได้ครบ ทั้งเป็นเจ้าของเหรียญทองชายเดี่ยวโอลิมปิกคนล่าสุด และเหรียญเงินในโอลิมปิกลอนดอน 2012, แชมป์โลก 2 สมัยติดในปี 2014 และ 2015 ,แชมป์โทมัสคัพ ปี 2010 และ 2012, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ปี 2010

อันดับ 2 หลิน ตัน (จีน, 32.5 ล้านดอลลาร์)

     ซูเปอร์ตัน คือนักแบดมินตันที่มีแฟนคลับติดตามมากที่สุดในโลก จากผลงานที่กวาดทุกแชมป์แบดมินตันที่มีการแข่งขันบนโลกมนุษย์ใบนี้ โดยเมื่อย้อนไป 5 ปีที่แล้ว หลิน ตันในวัย 28 ปี ประสบความสำเร็จกับ”ซูเปอร์แกรนด์สแลม”ด้วยการเก็บแชมป์แบดมินตันรายการสำคัญครบทั้ง9รายการ ได้แก่ โอลิมปิกเกมส์, แชมป์โลก, เวิลด์คัพ, โทมัสคัพ, สุธีรมานคัพ, ซูเปอร์ซีรีส์ มาสเตอร์สไฟนอลส์, ออล อิงแลนด์โอเพน, เอเชียนเกมส์ และชิงแชมป์เอเชีย เป็นนักแบดมินตันเพียงคนเดียวที่ทำได้

     นอกจากนั้น หลิน ตันก็ยังเป็นนักตบลูกขนไก่เพียงคนเดียวที่ป้องกันแชมป์โอลิมปิกได้ จากการคว้าเหรียญทอง 2 สมัยติดในปี 2008 และ 2012 นับรวมแชมป์ทุกรายการที่หลิน ตันเคยคว้ามาได้ทั้งสิ้นคือ 63 รายการ รวมถึงรายการล่าสุดในศึกสวิส โอเพน กรังด์ปรีซ์ โกลด์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย

     อย่างไรก็ตาม เงินรางวัลที่ได้มาจริง ๆ แล้วควรจะได้มากกว่านี้ เพราะเจ้าตัวอารมณ์ศิลปิน ลงแข่งบ้างไม่ลงแข่งบ้าง ตามแต่ใจต้องการ โดยเฉพาะในปี 2013 ที่สร้างความฮือฮา เมื่อว่างเว้นจากการแข่งไปนาน จนอันดับโลกร่วงไปไกล แต่ยังได้สิทธิ์ไวลด์การ์ดเข้าแข่งชิงแชมป์โลก และผงาดขึ้นคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ได้อย่างสุดยอด

อันดับ 1 ลี ชอง เหว่ย (มาเลเซีย, 75 ล้านดอลลาร์)

     คู่ปรับตลอดกาลของหลิน ตัน ที่เบียดแย่งแชมป์แทบทุกสนามการแข่งขัน กวาดเงินรางวัลไปมากกว่าคู่แข่งแดนมังกรถึง 2 เท่าตัว จากการลงแข่งขันแบบสม่ำเสมอและรักษาสภาพร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะมีอายุอานามถึง 34 ปีแล้วก็ตาม ชอง เหว่ย ครองบัลลังก์มือ 1 โลกยาวนานถึง 199 สัปดาห์ ตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2012 เขากวาดถ้วยแชมป์ไปมากถึง 66 รายการ

     แต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง หากเปรียบเป็นภาษิตจีน นักตบลูกขนไก่มาเลเซียคงอยากจะกล่าวว่า “ฟ้าส่งลี ชอง เหว่ย มาเกิด ไยต้องส่ง หลิน ตัน มาเกิดด้วยเล่า” เมื่อสถิติการพบกันของทั้งคู่ในรอบชิงชนะเลิศ ลี ชอง เหว่ย แพ้ให้กับหลิน ตันไปถึง 14 ครั้ง ซึ่งรวมถึงนัดชิงชนะเลิศรายการสำคัญ ทั้งโอลิมปิก, ชิงแชมป์โลก รวมถึงเอเชียนเกมส์ที่ลี ชอง เหว่ย ไม่เคยได้สัมผัสกับแชมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่น่าเจ็บปวดกับการอกหักได้เพียงตำแหน่งพระรอง พ่ายในรอบชิงโอลิมปิกถึง 3 สมัยติดต่อกัน จนได้รับฉายาว่า “ราชันไร้มงกุฏ”

     อย่างไรก็ตาม จากการปรากฏตัวในสนามแข่งขันอยู่ตลอด ทำให้เงินไหลเข้ากระเป๋าไม่หยุด ลี ชอง เหว่ย เคยเป็นนักแบดที่ได้ค่าจ้างสูงสุดในลีกแบดมินตันของอินเดียกับทีมมุมไบ มาสเตอร์ส ในปี 2013 โดยรับค่าจ้างอยู่ที่ 135,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.65 ล้านบาท) 

     ทั้งนี้ เมื่อนำเงินรายได้ของนักแบดมินตันที่รวยที่สุดในโลกอย่างลี ชอง เหว่ย ไปเปรียบเทียบกับนักกีฬาประเภทอื่น ถือว่าเทียบกันไม่ได้ราวฟ้ากับเหว โดยจากการจัดอันดับของฟอร์บส์ นิตยสารการเงินชื่อดัง ปรากฎว่า นักกีฬาที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลกเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ตกเป็นของคริสเตียโน โรนัลโด นักฟุตบอลชื่อดังชาวโปรตุเกสจากสโมสรเรอัล มาดริดแห่งสเปน ที่ทำรายได้เฉพาะแค่ปีเดียวอยู่ที่ 88 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,940 ล้านบาท) มากกว่ารายได้ตลอดทั้งการเล่นอาชีพของลี ชอง เหว่ย เสียอีก 

      ช่างน่าน้อยใจแทนเหล่านักกีฬาลูกขนไก่เสียจริง!!!