SEAFCO - ซื้อ

SEAFCO - ซื้อ

Top pick in contractor space

ประเด็นการลงทุน

เราให้ SEAFCO เป็น top pick ในกลุ่มรับเหมาฯ โดยบริษัทได้ปัจจัยบวก จาก 1) คาดกำ ไรเติบโตสูง และโอกาสกำ ไรผิดคาดน้อย เพราะมี backlog จำนวนมากรองรับเอาไว้แล้ว 2) แนวโน้มกำไรรายไตรมาสจะแข็งอย่างต่อเนื่องในจากงานใน backlog ที่มีมาร์จิ้นสูง ถึงแม้ขณะนี้จะมีปัจจัยลบจากการเลื่อนประมูลโครงการรถไฟรางคู่ เข้ามากระทบจิตวิทยา
การลงทุน เรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสมหุ้นสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะภาพรวมของอุตสาหกรรมฐานรากยังสามารถ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการทั้งภาครัฐที่ออกมาก่อนหน้านี้ และ โครงการภาคเอกชนต่างๆที่คาดจะเริ่มเห็นการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันราคาหุ้นเทรดบน P/E เพียง 15.5 เท่า ให้ส่วนลดจาก PYLON ที่เทรด ราว 21 เท่า

Backlog สูงสุดในอุตสาหกรรมฯ

หลังจากที่บริษัทประกาศงานใหม่เพิ่มอีก 376 ล้านบาท คาดส่งผลให้บริษัทมี backlog รวมราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งรองรับรายได้ปี 2017 ที่เราประเมินว่าจะโตได้ราว 10% เป็น 2.0 พันล้านบาท ไปเกือบทั้งหมดแล้ว ในขณะที่ปัจจุบันเพิ่งผ่านไปเพียง 3 เดือนแรกของปีเท่านั้น ด้วยปริมาณ backlog ที่สูง ส่งผลให้เรามีความมั่นใจต่อประมาณการกำไรปีนี้ที่คาดจะเติบโตสูง 38% เป็น 215 ล้านบาท

Earnings momentum แข็งแกร่งต่อเนื่อง

คาดกำไรจะแข็งอย่างต่อเนื่องใน 1Q17 โดยคาดจะทรงตัวสูงได้ทั้ง YoY และ QoQ เพราะพิจารณาจาก backlog ปัจจุบัน ซึ่งงานที่จะรับรู้รายได้มีสัดส่วนงานเฉพาะค่าแรงสูงถึง 40% (มากกว่าช่วง 1H16 ที่งานเฉพาะค่าแรงมีสัดส่วนราว 30%) คาดเป็นปัจจัยสำคัญหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ การรับรู้รายได้คาดเพิ่มขึ้นตาม backlog ที่มีปริมาณ
มากขึ้นเช่นกัน

การเลื่อนประมูลโครงการภาครัฐ กระทบงานรากฐานจำกัด แม้ซุปเปอร์บอร์ดตัดสินใจที่จะแก้ไข TOR สำหรับโครงการรถไฟรางคู่ 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 9.9 หมื่นล้านบาท แต่เรามองว่าจะเป็นผลกระทบในเชิงจิตวิทยาในระยะสั้นเท่านั้น เรามองว่าตั้งแต่ช่วง 2H17 เป็นต้นไป บริษัทจะได้อานิสงส์บวกจากโครงการการก่อสร้างของทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเข้ามาพร้อมกันจำนวนมากจากผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายวางแผนที่จะเริ่มเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ในเชิงรุกมากขึ้น โดยงานก่อสร้างน่าจะเริ่มได้ใน 2H17 เป็นต้นไป

รอคลื่นลูกใหญ่ปีหน้า

ภาพรวมของอุตสาหกรรมฐานรากมองว่ายังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ เช่น การเริ่มงานก่อสร้างของโครงการ 1) รถไฟฟ้าสายสีส้ม 2) รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ 3) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งเรามองว่าจะมีความต้องการใช้เสาเข็มเจาะ และกำแพงกันดิน เป็นจำนวนมาก และยังมีงานภาคเอกชนที่แนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก
การสร้างโครงการคอนโดตามแนวรถไฟฟ้า คาดจะมีงานเข้ามาอย่าง ต่อเนื่องไปอีกหลายปี ซึ่งจะสนับสนุนงานให้รับเหมาเจาะเสาเข็มได้อานิสงส์ไปด้วย