TPCH - ซื้อ

TPCH - ซื้อ

TPCH ผู้นำโรงไฟฟ้าชีวมวลพร้อมศักยภาพในการเติบโตในอนาคต

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- TPCH ผู้นำโรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังการผลิตไฟฟ้า 150 MW : บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จากัด (มหาชน) (TPCH) ประกอบธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ โดยในปัจจุบันบริษัทลงทุนในโรงไฟฟ้า 12 แห่ง ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ 4 แห่งกำลังการผลิต 40 MW และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 8 แห่งกำลังการผลิตรวม 110 MW โดยโรงไฟฟ้า 11 แห่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล (140MW) และอีก 1 แห่งเป็นโรงไฟฟ้าขยะ(10MW) โดยบริษัทจะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้า SPP-Hybrid Firm และVSPP-Semi Firm กำลังการผลิตรวม 589 MW ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะเปิดประมูลภายในปีนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำลังการผลิต 330 MW ในปี 2020

- กำไรปี 16 เติบโต 332%YoY จากโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่เริ่มดำเนินการผลิตเพิ่ม : TPCH รายงานกำไรปี 16 ที่ 201 ล้านบาทเติบโต 332%YoY เนื่องจากโรงไฟฟ้า Chang Raek (CRB) และโรงไฟฟ้า Maewong Energy (MWE) กำลังการผลิตรวม 20 MW รับรู้รายได้เต็มปี อีกทั้งโรงไฟฟ้า Mahachai Green Power (MGP) กำลังการผลิต 9.9 MW และโรงไฟฟ้า Thungsung Green (TSG) กำลังการผลิต 9.9 MW เริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/16 และไตรมาส 4/16 ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น 12% สู่ระดับ 48% เนื่องจากโรงไฟฟ้า TSG ตั้งอยู่ในภาคใต้ซึ่งสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ 9.2 MWขณะที่โรงไฟฟ้า MGP จำหน่ายไฟฟ้าได้เพียง 8 MW เพราะภาคใต้มีโรงไฟฟ้าน้อยกว่าในภาคอื่นจึงสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้เต็มกำลังการผลิต

- ปี 17-18 คาดผลประกอบการเติบโต 95%YoY และ 63%YoY ตามลำดับ : ฝ่ายวิจัยคาดว่าในปี 17 โรงไฟฟ้า Pattalung Green Power (PGP) กำลังการผลิต 9.9 MW และ Satun Green Power (SGP) กำลังการผลิต 9.9 MW จะเริ่มผลิตไฟฟ้าในไตรมาส 2/17 และไตรมาส 3/17 ตามลำดับ โดยทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ในภาคใต้ทำให้สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้แห่งละ 9.2 MW เป็นปัจจัยหนุนให้กำไรในปี 17 เติบโต 95%YoY สู่ระดับ 391 ล้านบาท และในปี 18 เราคาดว่าโรงไฟฟ้า Pattani Green Power1(PTG1) กำลังการผลิต 23 MW จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในไตรมาส 2/18 และโรงไฟฟ้า TPCH 1 2 และ 5 กำลังการผลิตรวม 24.7 MW จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในไตรมาส 4/18 ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้ง 5 แห่งตั้งอยู่ในภาคใต้ส่งผลให้สามารถขายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยหนุนกำไรปี 18 ให้เติบโต 63%YoY สู่ระดับ 638 ล้านบาท

- แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 23.50 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) เพื่อให้สะท้อนถึงโครงการโรงไฟฟ้าที่จะทยอยดำเนินการเชิงพาณิชย์ในอนาคตอีก 8 แห่งโดยคำนวณต้นทุนเงินทุนตามวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (WACC) ได้ที่ 6.5%ทำให้ได้ราคาเหมาะสม 23.50 บาทซึ่งสูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงแนะนำ “ซื้อ”