กลุ่มทรูร่วมทุนแคนาดาเปิด “ทรู แอกซิออน เกมส์”

กลุ่มทรู ผู้นำด้านธุรกิจโทรคมนาคมครบวงจรและธุรกิจสื่อในประเทศไทย ประกาศความร่วมมือ กับบริษัทเกมชั้นนำของโลก แอกซิออน เวนเจอร์ส จากประเทศแคนาดา เปิดตัวบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาเกม “ทรู แอกซิออน เกมส์” รุกขยายตลาดเกมทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมเตรียมยกระดับภาคอุตสาหกรรมเกมของไทยสู่ตลาดโลก ตั้งเป้าขึ้นเป็นบริษัทพัฒนาเกมที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ทั้งนี้กลุ่มทรูถือหุ้น 40% ในบริษัท ทรู แอกซิออน เกมส์ ผ่านทรูอินคิวบ์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และ แอกซิออน เวนเจอร์ส ถือหุ้น 60%

ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อุตสาหกรรมเกมมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านการผลิตและการบริโภคจึงมีแนวโน้มที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของอุตสาหกรรมเกมทั่วโลก

สำหรับประเทศไทยนั้น รายได้จากอุตสาหกรรมเกมในประเทศไทยมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะเติบโตพุ่งสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 7 หมื่นล้านบาทต่อปีภายในปี 2568

ข้อมูลเหล่านี้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการก่อตั้งบริษัทร่วมทุน “ทรู แอกซิออน เกมส์” ที่มีจุดมุ่งหมายในการก้าวเป็นบริษัทพัฒนาเกมที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้”

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าว “ด้วยศักยภาพของ แอกซิออน เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเกมในระดับโลก ผนวกกับจุดแข็งของกลุ่มทรูในด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งด้วยเครือข่ายทั้งแบบมีสายและไร้สายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และครอบคลุมทั่วประเทศ 

อีกทั้งยังมีหลากหลายแพลตฟอร์มการสื่อสารพร้อมคอนเทนต์คุณภาพจำนวนมาก จะนำมาซึ่งการสร้างคุณค่าเพิ่มในด้านธุรกิจอย่างมีนัยยะสำคัญทั้งต่อกลุ่มทรู อุตสาหกรรมเกม แวดวงสตาร์ทอัพ ภาคการศึกษาและวงการนวัตกรรมของไทย รวมถึงการร่วมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยให้พร้อมรองรับตลาดโลกในยุคดิจิทัลนี้ได้เป็นอย่างดี” นายศุภชัยกล่าว เสริม

บริษัทร่วมทุน “ทรู แอกซิออน เกมส์” ยังมีแผนที่จะจัดตั้ง สถาบันพัฒนาเกมหรือ Game Academy เพื่อเป็นศูนย์กลางการเสริมสร้างบุคลากรเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเกมของไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของทั้งสองพันธมิตรธุรกิจในการที่จะร่วมเพิ่มขีดความสามารถของประเทศด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ตอบสนองนโยบายสานพลังประชารัฐของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยเป็น Thailand 4.0

“เราต้องการจะสร้างสิ่งที่คนในวงการพัฒนาเกมเรียกกันว่า “Great Developer” ซึ่งก็คือบริษัทพัฒนาเกมที่สามารถสร้างเกมที่ทำรายได้ได้อย่างน้อย 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี การจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จต้องอาศัยความทุ่มเทและความมุ่นมั่นบวกกับการลงทุนอย่างมหาศาล รวมถึงการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่าความร่วมมือในการผลักดันอุตสาหกรรมเกมครั้งนี้ จะไม่เป็นเพียงแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังจะเป็นการกระตุ้นศักยภาพทางด้านความคิดสร้างสรรค์และบุคลากรรุ่นใหม่เฉพาะด้านที่มีฝีมือของประเทศนี้ให้มีตัวเลือกมากขึ้นในด้านอาชีพที่มีความมั่นคงในยุคแห่งเทคโนโลยี” นายทอดด์ บอนเนอร์ ประธานเจ้าหน้าทีบริหารและประธานกรรมการ บริษัท แอกซิออน เวนเจอร์ส กล่าว

ในปี 2549 แอกซิออน ก่อตั้งสตูดิโอเกมส์ที่เซี่ยงไฮ้ โดยจับมือร่วมกับ Epic Games ผู้นำด้านกราฟฟิคและฟิสิกส์ในการพัฒนาเกมจากสหรัฐอเมริกา เจ้าของ Unreal Engine ที่โด่งดังไปทั่วโลก ตลอดช่วงเวลา 11 ปีที่ผ่านมา แอกซิออนได้ทำการฝึกสอนนักพัฒนาเกมมากมายในจีนเกี่ยวกับเทคนิคขั้นสูงต่างๆในกระบวนการผลิตและพัฒนาเกม ในปี 2552 เกมแรกของแอกซิออนที่ชื่อว่า Fat Princess ได้ถูกวางขายโดย Sony และได้กลายเป็น Best Seller Game ทั้งบนแพลตฟอร์ม PS3 และ PSP

หลังจากความสำเร็จของ Fat Princess ในปี 2554 แอกซิออนได้ปล่อยเกมที่ 2 ออกสู่ตลาดภายไต้ชื่อ QQSM เป็นเกม PC online ซึงได้ถูก download ไปถึง 17 ล้านครั้ง และทำรายได้ให้แอกซิออนกว่า 50 ล้านดอลลาร์  เทียบกับเงินลงทุนเพียง 3.5 ล้านดอลลาร์ 2558 

แอกซิออน ได้เซ็นสัญญากับ Tencent บริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อจะวางตลาดเกมใหม่ล่าสุดของแอกซิออนเปิดตัว Rising Fire ซึ่งเป็นเกม online multiplayer

แนว Shooter RPG โดย Tencent ได้ทำการทดลองเกมนี้ในตลาดจีนไปแล้วหลายครั้ง โดยผลตอบรับที่กลับมาส่งผลให้ Tencent คาดการณ์ว่า Rising Fire จะมียอดขายจากประเทศจีนอย่างน้อย 400 ล้านดอลลาร์ 

“การร่วมทุนระหว่างแอกซิออนกับกลุ่มทรูในครั้งนี้จะทำให้ฐานการผลิตเกมในประเทศไทยมีต้นทุนต่ำกว่าประเทศทางตะวันตกหรือญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด ก้าวสำคัญต่อไปของเราคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีประเทศไทยเป็นหลัก โดยบริษัททรู แอกซิออน เกมส์ จะเป็นแกนหลักที่จะไม่เพียงช่วยให้เราสามารถเทรนนักพัฒนาไทยให้สามารถเเข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังจะช่วยทำให้ประเทศไทยสามารถเปิดประตูเข้าสู่เวทีโลกและยืนหยัดบนนั้นได้อย่างสง่างาม” นายบอนเนอร์ กล่าวสรุป