'กรุงเทพประกันชีวิต' ปีนี้เบี้ยโต17%

'กรุงเทพประกันชีวิต' ปีนี้เบี้ยโต17%

กรุงเทพประกันชีวิตปีนี้ "เบี้ยโต17%" เพิ่มช่องทางขายประกันออนไลน์-รุกลูกค้าสูงวัย

กรุงเทพประกันชีวิต ตั้งเป้าสิ้นปีเบี้ยรับปีแรกเติบโต 17% เน้นขายประกันผ่านออนไลน์เพิ่ม รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สนองตอบลูกค้าทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาวรวมทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ พร้อมปรับแผนบริหารเงินทุน 2.7 แสนล้านบาท เน้นลงทุนสินทรัพย์ระยะยาวเพิ่ม หวังผลตอบแทน 4.4-5%

นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต หรือ BLA บริษัทในเครือ ธนาคารกรุงเทพ และบริษัท นิปปอนไลฟ์ อินชัวรันส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า แผนการดำเนินงานธุรกิจในปี 2560 บริษัทตั้งเป้ามีเบี้ยปีแรกเติบโตที่ 17% จากปี 2559  บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 43,333 ล้านบาท โดยบริษัทจะมุ่งหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะระยะยาวพบว่า ผู้สูงอายุมีความต้องการทำประกันเพิ่มมากขึ้น และต้องการวางแผนทางการเงินและความมั่งคั่ง 

ปีนี้บริษัทจะเน้นการขายประกันผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นด้วย เนื่องจากเริ่มพบว่า ปัจจุบันพฤติกรรมเริ่มเปลี่ยน ผู้บริโภคใช้ช่องทางเทคโนโลยีมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงการให้บริการผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งยอมรับว่า บริษัทก็จะเดินหน้าไปทางดิจิทัลเช่นเดียวกับสถาบันการเงิน แต่จะไม่เดินหน้าเร็วนัก เนื่องจากมองว่า การขายช่องทางผ่านสาขาธนาคาร และการผ่านตัวทางยังเป็นช่องทางที่สำคัญ

นายวิพลกล่าวอีกว่า บริษัทยังคงมุ่งสร้างภาพลักษณ์ การเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประชาชน ผ่านการวางแผนการเงิน ซึ่งในปีนี้จะเน้นแผนการตลาดแบบรุก พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขยายตลาดใหม่ รวมไปถึงการสร้างบุคลากรและตัวแทนที่มีคุณภาพเพื่อขยายฐานลูกค้ารองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์หลัก เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคง สร้างศักยภาพบุคลากรและตัวแทน

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนผลักดันการพัฒนาด้านธุรกิจประกันภัยผ่านดิจิทัล เพื่อยกระดับการดำเนินงานและบริการด้วยการมุ่งเน้นกลยุทธ์หลักใน 3 ด้าน อันได้แก่ ด้านลูกค้า ซึ่งจะมุ่งตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ยกระดับการประกันชีวิตผ่านโลกของดิจิทัล ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย โดยการเสริมสร้างและปรับเปลี่ยนรูปแบบช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และ ด้านนวัตกรรม โดยบริษัทพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีและคู่ค้าใหม่ๆ ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการที่จะผลักดันและส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแรง

นอกจากนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดการสร้างความสุขอย่างยั่งยืน ส่งเสริมความรับชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล โดยเริ่มจากภายในสู่ภายนอกองค์กร และ ขยายต่อไปยังชุมชน ผ่านโครงการเพื่อสังคมครอบคลุมทั้ง 6 ด้านได้แก่ การสร้างความมั่นคงทางการเงิน การสนับสนุนการศึกษา การส่งเสริมสุขภาพและกีฬา การดูแลด้านสิ่งแวดล้อม การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่างๆ

นายวิพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ลงทุน 270,000 กว่าล้านบาท โดยแผนการบริหารจัดการพอร์ตลงทุนในปีนี้จะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาว เช่น ตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับหนี้สิน พันธบัตรรัฐบาล สัดส่วน 80% และการลงทุนที่มีความเสี่ยงประมาณ 10% กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมต่างๆ ประมาณ 5% และอื่นๆ 5% ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนคาดว่าในปี 2560 จะมีผลตอบแทนประมาณ 4.5-5% จากปี 2559 ที่อยู่ที่ประมาณ 5%