เปิดชื่อ '15หุ้น' สถาบันดอดซื้อ

เปิดชื่อ '15หุ้น' สถาบันดอดซื้อ

15หุ้นสถาบัน "ดอดซื้อ" โบรกประเมิน “วินโดว์เดรสซิ่ง” แผ่ว

ไตรมาสแรกปีนี้กำลังจะสิ้นสุด โดยปกติแล้ว นักลงทุนจะคาดหวังว่า อานิสงส์จากเทศกาลการซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบันเพื่อปิดงวดบัญชีหรือWindow Dressing มักจะเกิดขึ้นและช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแต่ไตรมาสแรกปีนี้อาจจะไม่ร้อนแรงเหมือนในอดีต

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า จากการนำตัวเลขสถิติเดือน มี.ค.ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า นักลงทุนสถาบัน มักจะขายสุทธิเฉลี่ยราว 2.25 พันล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิถึง 7 ใน 10 ปี และยังเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ (เดือน ก.ค. เป็นเดือนที่ยอดขายสุทธิเฉลี่ยสูงสุดเป็นอันดับ 1 ราว 4.8 พันล้านบาท) และหากวิเคราะห์ให้ลึกลงไปอีกพบว่าในเวลา 7 วัน, 3 วัน และ 1 วันทำการสุดท้าย ก่อนสิ้นเดือน มี..นักลงทุนสถาบันยังขายสุทธิเฉลี่ยทั้งสิ้นในทุกช่วงเวลา ด้วยมูลค่าราว 1.1 พันล้านบาท, 465 ล้านบาท และ 439 ล้านบาท ตามลำดับ

หากพิจารณาจากสัดส่วนการถือครองเงินสดของกองทุนรวมหุ้นในเดือน ม.. พบว่าเหลือเพียง 3.00% เท่านั้น แต่ปัจจุบันสถาบันฯ ยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิสะสมหุ้นไทยมาตลอดมี..2560 กว่า 2.05 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลถึงวันที่ 23 มี.ค.2560) จึงทำให้เชื่อว่า น่าจะมีเงินสดเหลือไม่มากนักที่จะกลับเข้าซื้อหุ้นในช่วงท้ายของไตรมาส 1 ทำให้โอกาสที่จะเกิดการทำ Window Dressing งวดนี้อาจมีน้ำหนักน้อยกว่าช่วงปลายปีมาก 

อย่างไรก็ตามคาดว่าการจัดพอร์ตการลงทุนของสถาบัน น่าจะเป็นไปในลักษณะ Switch หรือสลับการลงทุน โดยการขายหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นเหลือน้อยแล้ว และหันไปซื้อหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก หรือปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดรวม

สำหรับหุ้นที่สถาบันถือครองมากที่สุด 15 อันดับแรก(โดยใช้ข้อมูลการถือครองหุ้นที่มีสัดส่วนมากที่สุด 5 อันดับแรก ณ สิ้นเดือนม.ค.2560 ) ประกอบด้วย หุ้นปตท.24.6% เอสซีจี 17.7% ซีพีออลล์ 11.4% เอโอที7.5% กสิกรไทย 6.7% บีเจซี 5.4% ไทยพาณิชย์ 5.1% บีดีเอ็มเอส 7.7% แอดวานซ์ 2.5% เอ็กโก้ 0.9% ซีพีเอฟ 0.8% อีเอ 0.7% อินทัช 0.6%และหุ้นอื่นๆรวมกันอีก 7.3%

 ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลาตลาดหุ้นผันผวนเช่นนี้ เน้นหุ้นที่สถาบันฯนิยมซื้อสะสม และราคาหุ้นยังถือว่า Laggard พื้นฐานอยู่มาก อย่าง หุ้นแบงก์ไทยพาณิชย์,บีเจซี,บีดีเอ็มเอสและซีพีเอฟ ซึ่งน่าจะเป็นหุ้นเด่น Window dressing

บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทยคาดการณ์ว่าโอกาสที่ดัชนีหุ้นจะปรับลดลงมีค่อนข้างจำกัดไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. เพราะการจ่ายเงินเงินปันผลของหุ้นปตท.( PTT) ขึ้นเครื่องหมายสิทธิรับเงินปันผล( XD) วันที่ 29 มี.ค. และการทำ Window Dressing ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้า ภายใต้กระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอตัว

ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าการซื้อขายเบาบางต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนต้องสำรองเงินสำหรับการจองหุ้นไอพีโอ 3 หลักทรัพย์ ระดมทุนกว่า 2.0 หมื่นล้านบาทใน 2-3 สัปดาห์นี้

หุ้นที่จะขายไอพีโอเร็วนี้ประกอบด้วย บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP จะเสนอขายหุ้นไอพีโอ 2,500 ล้านหุ้น ซึ่งจะเปิดจองซื้อในวันที่ 22-24 มี.ค. และประชาชนและผู้ซื้อหลักทรัพย์เบื้องต้นในต่างประเทศ ไม่เกิน 2,375 ล้านหุ้น เปิดจองซื้อหุ้นวันที่ 24-29 มี.ค. คาดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 5 เม.ย.นี้

บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) หรือ MM ขายหุ้นไอพีโอ หุ้นเสนอขายครั้งนี้ 210.98 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม SST จำนวนไม่เกิน 41.43 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันไม่เกิน 169.54 ล้านหุ้น

บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน50 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.00 บาท โดยจองซื้อ วันที่ 23-24 ,27 มี.ค.2560

บริษัทดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP หุ้นที่เสนอขายครั้งนี้รวม ไม่เกิน 229.50ล้านหุ้น เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม WHA ไม่เกิน 57.28 ล้านหุ้น เสนอขายผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 23.03 ล้านหุ้น เสนอขายผู้มีอุปการคุณของ WHAUP 34.42 ล้านหุ้น เสนอขายแก่นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ 144.75 ล้านหุ้น