เมินหั่น 'ค่าธรรมเนียม' อีดีซี

เมินหั่น 'ค่าธรรมเนียม' อีดีซี

เมินหั่นค่าธรรมเนียมอีดีซี "กสิกรไทย" มั่นใจราคาไม่ใช่ประเด็นหลักลูกค้าตัดสินใจ ประเมินติดตั้งได้ครบ 20%ของเป้าหมายรัฐ 5.5แสนเครื่อง

กสิกรไทยเมินแข่งขันค่าธรรมเนียมติดตั้งเครื่องรูดบัตร หรืออีดีซี ชี้ราคาไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกทั้งหมด คาดจบโครงการติดตั้งเครื่องใหม่ได้ 20% หรือแสนเครื่อง จากเป้าหมายของรัฐบาล 5.5 แสนรายชื่อร้านค้า ตั้งเป้ายอดลงทะเบียนพร้อมเพย์ 5 ล้านบัญชีปีนี้ ดันยอดโอนเงินแตะ 2 แสนธุรกรรมต่อวัน

นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารกำลังเดินหน้าติดต่อร้านค้าต่างๆ ตามบัญชีรายชื่อที่กระทรวงการคลังให้มา 5.5 แสนรายชื่อเพื่อติดต่อในการติดตั้งเครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องอีดีซี โดยคาดว่าสิ้นเดือนนี้จะติดต่อได้ประมาณ 1.5 แสนร้านค้า

อย่างไรก็ตามแม้ว่าธนาคารจะติดต่อร้านค้าได้ตามเป้าหมาย แต่ในการติดตั้งเครื่องอีดีซี ยังติดตั้งได้น้อย หรือเพียง 10% ของร้านค้าที่ไปติดต่อทั้งหมด เนื่องจากร้านค้าโดยส่วนใหญ่มีเครื่องรูดบัตรอยู่แล้ว หรือบางแห่งก็เลิกกิจการไป และบางส่วนก็ปฏิเสธตรงๆว่าไม่ต้องการติดตั้ง ซึ่งก็ไม่สามารถไปบังคับติดตั้งได้

ทั้งนี้ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยคาดว่าภายในเดือนมี.ค.ปีหน้านี้ จะติดเครื่องอีดีซีเครื่องใหม่ได้ประมาณ 20% จาก5.5 แสนรายชื่อร้านค้าที่ต้องไปติดต่อ หรือประมาณ 1แสนเครื่อง จากปัจจุบันที่มีเครื่องรูดบัตรของธนาคารกสิกรในตลาดแล้วประมาณ 2 แสนเครื่อง

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะติดตั้งไม่ได้ทั้ง 5.5 แสนเครื่อง แต่ภาครัฐก็ยอมรับได้ หากมีเหตุผล ซึ่งเหตุผลที่ร้านค้าจะปฏิเสธการติดตั้งมีอยู่ประมาณ 3-4 เหตุผล คือ มีเครื่องรูดบัตรอยู่แล้ว มีการยกเลิกกิจการ เป็นธุรกิจที่ไม่ได้ใช้เงินสดอยู่แล้ว และสุดท้ายคือไม่ต้องการติดตั้งเครื่องรูดบัตรเลย

“ เราไม่คิดจะลงไปแข่งขันลดค่าธรรมเนียมการใช้เครื่องรูดบัตร เพราะการติดตั้งในโครงการนี้ก็ได้มีการปรับลดค่าธรรมเนียมลงมาแล้วเหลือเพียง 0.55% ที่สำคัญเรามองว่าการลดค่าธรรมเนียมลงมาอีกไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ได้ทำให้ร้านค้าต่างๆ ตัดสินใจหันมาติดตั้งเครื่องอีดีซี” 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วธนาคารทหารไทยถือเป็นรายแรกที่ออกมาเขย่าตลาด ด้วยแคมเปญ “ติดตั้งเครื่องอีซีดี ให้ร้านค้าฟรี ไม่มีขั้นต่ำและคิดค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตเพียง 0.3%” เปิดรับสมัครติดตั้งเครื่องถึงวันที่ 30 มิ.ย.2560 

นายพัชรกล่าวว่า ในส่วนของบริการพร้อมเพย์นั้น ยอดการใช้บริการยังไม่มากเท่าที่คาดไว้ ทำให้กระทบรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารไม่มาก จากเดิมคาดว่ากระทบในระดับ 500 ล้านบาท โดยหลังเปิดบริการโอนเงินพร้อมเพย์แก่ลูกค้าบุคคลธรรมดาเมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีรายการโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ของกสิกรไทย เพิ่มจากเฉลี่ยประมาณ 1 หมื่นรายการต่อวันในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. เป็นประมาณ 2.3 หมื่นรายการต่อวันในช่วงเดือนมี.ค. หรือเติบโตขึ้นมากกว่า 130%

ธนาคารเชื่อว่าแนวโน้มปริมาณธุรกรรมและยอดผู้ลงทะเบียนจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีความสะดวก ปลอดภัย ประหยัดค่าธรรมเนียมและจะใช้เป็นช่องทางหลักอย่างต่อเนื่อง คาดว่ามีลูกค้ามาลงทะเบียนพร้อมเพย์กับธนาคารเพิ่มเป็น 5 ล้านบัญชี จากปัจจุบันมีอยู่ 3 ล้านบัญชี และธุรกรรมเพิ่มขึ้นเป็น2 แสนรายการต่อวัน

ทั้งนี้พร้อมเพย์ช่วยผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดในชีวิตประจำวันของคนไทย ช่วยชาติประหยัดค่าใช้จ่าย รวมทั้งทำให้ธนาคารสามารถลดต้นทุนการบริหารจัดการเงินสด ทั้งการสำรองเงินสด การขนย้ายและเติมเงินสด การทำประกันเงินสด ฯลฯ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปีได้