อารียา บุกตลาดบ้านหรู สู้ศึกอสังหาฯเดือด

อารียา บุกตลาดบ้านหรู สู้ศึกอสังหาฯเดือด

อารียา พรอพเพอร์ตี้ ประกาศบุกตลาดบ้านหรู รับมืออสังหาริมทรัพย์แข่งเดือด พร้อมเผยปี 2560 เตรียมเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ ตั้งเป้าเติบโตไม่น้อยกว่า 35-38%

วิวัฒน์ เลาหพูนรังษี กรรมการบริหาร บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มีการแข่งขันที่รุนแรง และสิ่งที่เห็นชัดเจนก็คือ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่หันไปจับตลาดบนหรือบ้านหรูมากขึ้น เนื่องจากยังมีการเติบโตที่ดี เพราะผู้บริโภคในตลาดนี้มีกำลังซื้อต่อเนื่อง


ขณะที่ตลาดกลางลงล่าง มีการชะลอตัว เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยในส่วนของอารียาฯนั้น โครงการที่พัฒนาออกมา 60% เป็นการจับตลาดลักชัวรี่ อีก 40% เป็นตลาดกลางลงล่าง


“ปีนี้ตลาด แข่งขันรุนแรงเหมือนเดิม ซึ่งตลาดที่น่าสนใจ ก็คือ ตลาดบน เพราะยังขายได้ดี ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายพยายามขยับฐานมาตลาดนี้มากขึ้น ส่วนการที่ผู้ประกอบการหลายรายมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ หรือขยายไลน์ไปทำธุรกิจอื่นนั้น เป็นไปตามสภาพตลาดและทิศทางของแต่ละราย ซึ่งทางอารียายังไม่มีแผนดำเนินการดังกล่าว”

สำหรับในปี 2560 ทางอารียามีแผนเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 7 โครงการ และแนวสูงหรือโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ ซึ่งโครงการใหม่ทั้งหมดจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล


ทั้งนี้ โครงการแนวราบที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของปีนี้ ได้แก่ ดิ เอวา เรสซิเดนท์ โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับลักชัวรี่ บนพื้นที่ถนนสุขุมวิท 77 มูลค่าโครงการกว่า 2,500 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่ 61.8-90.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 25-80 ล้านบาท


ขณะที่โครงการแนวสูง ไฮไลท์ คือ โครงการบนพื้นที่ 5 ไร่ของเอยูเอ ย่านราชดำริ โดยจะสร้างเป็นคอนโดนิเนียม ในลักษณะให้เช่า มีระยะสัญญา 30 ปี มีจำนวน 300-400 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 200,000 บาทขึ้นไปต่อตารางเมตร คาดว่า จะเริ่มในไตรมาส 4 ของปีนี้


“ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ใช่ปัญหาใหม่่ เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญทุกปี และเรื่องนี้ไม่มีผลต่อตลาดลักชัวรี่ที่เราต้องการจับ ประกอบกับที่ผ่านมาเรามีการดูแลเรื่องปฏิเสธสินเชื่อละเอียดมากขึ้น ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อของเราลดลงจาก 40% มาเหลือ 30% และปีนี้ตั้งเป้าเหลือ 25% ซึ่งเชื่อว่า จากแผนงานทั้งหมดจะทำให้ยอดขายในปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 35-38%”