รองประธานาธิบดีอินโดฯ เข้าคารวะนายกรัฐมนตรี

รองประธานาธิบดีอินโดฯ เข้าคารวะนายกรัฐมนตรี

"ยูซุฟ กัลลา" รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ลั่นพร้อมพัฒนาความร่วมมือให้ครอบคลุมในทุกด้าน

วันนี้ (23 มีนาคม 2560) เวลา 10.30 น. นายยูซุฟ กัลลา (H.E. Mr. Jusuf Kalla) รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซียเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับรองประธานาธิบดีที่ได้รับพระราชทานปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมขอบคุณที่เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเยือนไทยครั้งนี้ ด้านรองประธานธานาธิบดีกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีทีให้การต้อนรับ และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระราชทานปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรองประธานาธิบดีที่ได้เดินทางมาลงนามแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา ตั้งแต่วันแรกที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เปิดให้ชาวต่างชาติลงนามแสดงความอาลัย เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2559 ซึ่งถือเป็นบุคคลระดับสูงคนแรกของอินโดนีเซียที่เดินทางมาลงนาม

นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความขอบคุณที่ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด (โจโควี) และภริยา เยือนไทยเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 และในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเชิญประธานาธิบดีโจโควีเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สะดวก ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการเดินทางเยือนและพร้อมให้การต้อนรับ เนื่องจากเป็นโอกาสอันดีในการกระชับความสัมพันธ์ และหารือแนวทางพัฒนาความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างทั้งสองประเทศ

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความสัมพันธ์ทวิภาคีมีความแน่นแฟ้นและยาวนาน โดยไทยและอินโดนีเซียเห็นพ้องว่าทั้งสองประเทศถือเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นเสาหลักของประชาคมอาเซียน จึงเห็นควรพัฒนาความร่วมมือให้ครอบคลุมในทุกสาขา เพื่อเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง

ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน รองประธานาธิบดีกล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายส่งเสริมการค้าและการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งภาคเอกชนไทยมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเมืองและศักยภาพทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย และขยายการลงทุนในอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นักลงทุนจากอินโดนีเซียก็เข้ามาลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน จึงเห็นควรที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือ ตลอดจนส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทยมุ่งมั่นเสริมสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกแก่การค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังยินดีที่จะสนับสนุนให้ภาคเอกชนและสภาธุรกิจของทั้งสองประเทศ มีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการขยายความร่วมมือทางธุรกิจของทั้งสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจหลายโครงการ อาทิ การพัฒนาประเทศไทยไปสู่โมเดล “ประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0)” และโครงการพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงอยากเชิญชวนภาคเอกชนอินโดนีเซียที่สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าว ตลอดจนเพิ่มพูนมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังพร้อมที่จะเร่งดำเนินการแก้ปัญหาและอุกสรรคทางด้านเศรษฐกิจ โดยได้มีการปรับแก้กฎหมายต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน

ความร่วมมือด้านการประมง นายกรัฐมนตรียืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการร่วมมือกับรัฐบาลอินโดนีเซียในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) อย่างรอบด้านและยั่งยืน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยเห็นว่าการริเริ่มหารือเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านประมงสามารถดำเนินการผ่านคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมงระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย (Joint Working Group on Fisheries Cooperation between Thailand and Indonesia) ซึ่งถือเป็นช่องทางหารือเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านประมงระหว่างกันให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งไทยและอินโดนีเซียต่างเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทั้งสองประเทศจึงเห็นควรร่วมมือกันในการจัดตั้งจุดหมายปลายทางร่วมด้านการท่องเที่ยว (Joint Tourist Destination) เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น

สถานการณ์การเมืองไทย นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณฝ่ายอินโดนีเซียที่เข้าใจในสถานการณ์การเมืองไทย พร้อมยืนยันว่า ไทยกำลังดำเนินการตาม Roadmap ของรัฐบาลในการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง สังคมที่ปรองดอง และบ้านเมืองที่มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยกำลังปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่มุ่งสร้างความสงบสุขในสังคม และแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง การทุจริต และขจัดความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การพัฒนาบนพื้นฐานของความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณที่อินโดนีเซียให้การสนับสนุนในการแก้ไขสถานการณ์ จชต. ซึ่งรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขสถานการณ์โดยสันติวิธีและใช้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในสังคม เพื่อนำไปสู่สันติสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งในขณะนี้มีความคืบหน้าตามลำดับ ด้านรองประธานาธิบดียินดีที่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการเจรจาสันติสุข นอกจากนี้ ยังกล่าวขอบคุณประเทศไทยที่ให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสันติภาพในอาเจะห์ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี