MORNING CALL ACTION NOTES (23 มี.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (23 มี.ค.60)

พักฐาน

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้อ่อนตัวลงจากแรงขายกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันทรุดตัวหลุด 50 US/Barrel รวมถึงความไม่แน่นอนแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนการปรับลดภาษีของสหรัฐ ส่งผลให้ SET อ่อนตัวลงปิดที่ 1,566.66 จุด (-2.12 จุด) Vol. 3.5 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +51 ลบ. , TFEX Net -9,320 สัญญา , ตราสารหนี้ไทย Net + 6,043 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงจากความกังวลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐล่าช้า รวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. -3.7% สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต

- ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงล่าสุด 48.3 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 5 ล้านบาร์เรล

- เหตุโจมตีกรุงลอนดอนนอกอาคารรัฐสภาอังกฤษ ยอดผู้เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 40 ราย

- ตัวเลขส่งออกไทยเดือนก.พ.60 -2.8% ต่ำกว่าคาดที่จะขยายตัว 4% สำหรับช่วง 2 เดือนแรกปี 60 (ม.ค.-ก.พ.) ส่งออก +2.5%

- ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. 60 อยู่ที่ 86.2 ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน จากการชะลอตัวของอุปสงค์และกำลังซื้อ

+/- ซูเปอร์บอร์ด มีมติให้แยกสัญญารถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง เป็น 13 สัญญา มูลค่าสัญญาละ 5 พัน-1 หมื่นลบ.

+ Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 4 วันราว 3.7 พัลบ. รวมถึงเงินบาทแข็งค่าขึ้นล่าสุด 34.6 Bath/USD.

** 23 มี.ค. ติดตามประธาน FED "เยลเลน" กล่าวสุนทรพจน์เพื่อจับสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป

** 29 มี.ค. การประชุมกนง.คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5%

ภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน นอกจากนี้ยังถูกแรงกดดันจากความกังวลแผนการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐล่าช้า รวมถึงตัวเลขส่งออกไทยเดือนก.พ.หดตัวลง ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติชะลอซื้อในตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามยังไม่เห็นสัญญาณเงินไหลออกเนื่องจากเงินบาทยังแข็งค่า อีกทั้งคาดว่าแรงซื้อดักการทำ Window Dressing จะช่วยพยุงดัชนีได้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัว 1,560 – 1,575 จุด

กลยุทธ์การลงทุน รอซื้อช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy

- กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอ่อนตัวลง เช่น กลุ่มสายการบิน EPG TASCO

- กลุ่มเหล็ก ราคาเหล็กรีดร้อนพุ่งทำ High ในรอบ 2 ปี ล่าสุด 653 USD/Ton

- กลุ่มผู้ส่งออกเนื้อไก่ (CPF GFPT TFG) รับอานิสงส์จีน ฮ่องกง สหภาพยุโรประงับนำเข้าเนื้อสัตว์จากบราซิล

หุ้นแนะนำพิเศษ

TRC Analyst Meeting (ราคาปิด 1.55 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 1.75 บาท)

- ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 60 ที่ 8 พันล้านบาท เติบโต 114%YoY (รับรู้รายได้จาก Backlog 3 พันล้านบาทและ APOT 5 พันล้านบาท) หากสามารถลงนามสัญญาก่อสร้าง APOT ได้ทันในไตรมาส 3/60

- ในปีนี้บริษัทพร้อมประมูลงานรวม 3.85 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงานก่อสร้างท่อก๊าซฯ 3.2 หมื่นล้านบาท และโครงการ waste to energy อีก 2 พันล้านบาท และงานโครงสร้างพื้นฐานอีก 4.5 พันล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุน Backlog ของบริษัทจากปัจจุบันที่ 4.5 พันล้านบาท

- ฝ่ายวิจัยมีมุมมองว่าบริษัทจะสามารถลงนามสัญญาก่อสร้างกับ APOT ได้ในไตรมาส 3/60 เนื่องจากกระทรวงการคลังกำลังเพิ่มทุนเข้ามาที่ APOT ซึ่งเป็นการปลดล็อกการทำธุรกรรมกับธนาคาร โดยเราคาดว่าปี 60 กำไรจะเติบโต 75%YoY สู่ระดับ 529 ล้านบาท แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวลงสู่ 12-15% เนื่องจากงาน APOT มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่างานในปัจจุบัน

หุ้นมีข่าว

- ประเด็นบวกหุ้นกลุ่มทีวีดิจิตอล (MONO WORK RS GRAMMY) - กสทช.ติดตั้งเสารับสัญญาณดิจิตอลทีวีในอาคารสูงเพิ่ม 700 อาคาร คาดเพิ่มยอดผู้ชมอีก 3 หมื่นครัวเรือน

- ประเด็นลบกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่เนื่องจากมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น - "ซุปเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง" แบ่งทีโออาร์รถไฟทางคู่ 5 สาย เป็น 13 สัญญาสัญญาละ 5,000-10,000 ล้านบาท หวังเปิดทางรายกลางลงสนามประมูลได้มากขึ้น นอกจากนี้ได้ปรับเงื่อนไขทีโออาร์เพื่อลดค่าก่อสร้างลง

- SC (ราคาปิด 3.72 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 4 บาท) ผู้บริหารพานักวิเคราะห์เข้าเยี่ยมชมโครงการ “28 ชิดลม” ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนก.พ. เป็นคอนโดฯที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบน มูลค่าราว 8 พันลบ. จำนวนรวม 427 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 350,000 บาทต่อตรม. โดยเปิดขายเฉพาะตึกสูง (The Tower) มูลค่ารวม 5,000 ลบ. ปัจจุบันขายได้แล้วราว 3 พันลบ. คิดเป็น 60% ของส่วนที่เปิดขาย งานก่อสร้างเริ่มแล้วและคาดจะสร้างเสร็จราวปลายปี 2562 เริ่มโอนต้นปี 2563

  ความเห็น : โครงการดังกล่าวเป็นคอนโดฯ 1 ใน 2 โครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้โดยได้เลื่อนเปิดตัวจากปลายปีที่แล้ว น่าจะช่วยสร้าง sentiment ของยอดขาย presale ในช่วงไตรมาสแรกได้ดี เรายังคงประมาณกำไรปี 60 ราว 1.8 พันล้านบาท -7% เนื่องจากคาดรายได้จากอสังหาฯลดลง อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรจะพลิกกลับมาเติบโตราว 13% ในปี 61 เป็น 2.08 พันล้านบาท

- SIRI (ราคาปิด 1.94 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 2 บาท) จัดงานใหญ่เปิดตัว 1 ใน 8 โครงการร่วมทุนกับ BTS “เดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9” มูลค่า 2,280 ล้านบาท 25–26 มี.ค. เป็นคอนโดมิเนียมสูง 36 ชั้น 1 อาคารใกล้แอร์พอร์ตลิงค์สถานีรามคำแหง จำนวน 640 ยูนิต แบ่งเป็นเพื่อพักอาศัย 639 ยูนิต และเพื่อการพาณิชย์ 1 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,280 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย (Presale) แล้ว 90% คาดปิดขายโครงการได้ในเร็วๆ นี้

- ประเด็นลบ BANPU (ราคาปิด 19.20 ซื้อ ราคาเหมาะสม 25.15) ราคาถ่านหินปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 79.35 ดอลลาร์ต่อตันหลังทางการจีนยังไม่ปรับลดเวลาทำงานของเหมืองถ่านหินจาก 330 วันต่อปีแม้จะผ่านช่วงที่มีความต้องการใช้ถ่านหินสูงสุดไปแล้ว โดยราคาถ่านหินปรับตัวลง -2%WTD -4.4%MTD และ-15%YTD ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสขายถ่านหินได้ราคาลดลงเนื่องจากได้ทำการล็อคราคาขายล่วงหน้าไปเพียง 50%ของกำลังการผลิต และอีก 50%จะขายตามราคาถ่านหินโลก

- WHA (ราคาปิด 3.00 Bloomberg Consensus 3.75) เตรียมขายรง.-คลังสินค้าให้เช่าเข้า 2 กอง REIT ในเครือรวมกว่า 5 พันลบ.บุ๊คใน Q4/60

- MM ดำเนินธุรกิจร้านอาหารดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ และเกรฮาวด์ คาเฟ่ โดยกำหนดช่วงราคาขาย IPO ที่ 5-5.50 บ.เคาะ 31 มี.ค.เปิดจอง 3-5 เม.ย.คาดเข้าเทรด 11 เม.ย.

- JMT เผยบ.ย่อยลงนามสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพกับธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) มูลหนี้ 6.55 พันลบ.

- HTECH คาดรายได้ปีนี้โตราว 8-10% ตามขยายการผลิต-ขยายตลาด,มั่นใจย้ายเข้า SET ใน Q2/60

- SUSCO ตั้งเป้าปี 60 ยอดขายน้ำมันโต 8-10% มาที่ 1.2 ล้านลิตร เน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิปีนี้ที่ 1.5-1.6% จาก 1.47%ปีก่อนตามการขยายสถานีบริการ-คุมต้นทุน

- ศาลแพ่งนัดสืบคดี IFEC ฟ้องอดีตผู้บริหาร 27 มี.ค.นี้ โดยเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 56 ล้านบาท

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -6.71 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,661.30 จุด ลดลง 6.71 จุด หรือ -0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,821.64 จุด เพิ่มขึ้น 27.81 จุด หรือ +0.48% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,348.45 จุด เพิ่มขึ้น 4.43 จุด หรือ +0.19%เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจประสบความล่าช้าในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเขาเคยให้สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐซึ่งปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ดีดตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.20 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 48.04 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาพลังงานที่สูงขึ้นในสหรัฐ