'กปภ.'ยันเหตุไฟไหม้ไม่ทำให้เอกสารร้องเรียนเสียหาย

'กปภ.'ยันเหตุไฟไหม้ไม่ทำให้เอกสารร้องเรียนเสียหาย

"ผู้ว่าฯ กปภ." ยืนยันเหตุไฟไหม้อาคารสำนักงานใหญ่ ไม่ทำให้เอกสารร้องเรียนเสียหาย ยืนยันพื้นที่ถูกเพลิงไหม้ไม่ใช่ที่เก็บเอกสารสำคัญ

ที่สำนักงานใหญ่ การประปาส่วนภูมิภาค นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) นายกฤษฎา ศังขมณี รองผู้ว่าบริหาร นายนิวัตน์ สถิตกาญจนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ (เทคโนโลยีสารสนเทศน์) และคณะผู้บริหาร กปภ. ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ อาคาร 2 สำนักงานใหญ่ กปภ. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงของสถานการณ์และแผนการดำเนินงาน โดยใช้เวลาในการชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบข้อสงสัยประมาณ 30 นาที

นายเสรี กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุไฟไหม้ การประปาส่วนภูมิภาคได้ดำเนินตามแผนที่วางไว้ทุกประการ โดยได้อธิบายแผนผังอาคาร 2 ว่าเป็นอาคารในลักษณะรูปตัวแอล ซึ่งบริเวณชั้น 4 ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้จะมีห้องทำงานอยู่ เบื้องต้นได้สันนิษฐานว่า เพลิงเกิดขึ้นจากห้องกองกิจการประปา 3 ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการของรองผู้ว่าการภาค 3 เหตุเกิดขึ้นเวลา 18.30น. พนักงานที่อยู่ด้านหลังอาคาร 2 บริเวณสนามกีฬาสังเกตเห็นควัน จึงรีบแจ้งรปภ. และทางเจ้าหน้าที่ รปภ.จึงขึ้นไป 3-4 คนพร้อมอุปกรณ์ดับเพลิง ขณะเดียวกันก็ได้ประสานดับเพลิงด้วย จากนั้นได้เข้าระงับเหตุฉุกเฉินตามแผน หลังเข้าไปแล้วไม่สามารถระงับเหตุได้ เนื่องจากทิศทางควันไฟ และลมแรง จึงไม่สามารถดับได้ ต่อมาเวลา 19.00 น. รถดับเพลิงได้เดินทางมาถึงประมาณ 20 คัน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชม.จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในขอบเขตได้ เพลิงไม่ลุกลามต่อไปยังอาคารใกล้เคียง ต่อมาเวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้ ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ

ส่วนห้องด้านข้างที่อยู่ติดกับห้องกองกิจการประปา 3 เป็นห้องสำนักงานของเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ได้มาทำงาน โดยมีหน้าที่หลักคือการรับรองงบการเงิน งบดุลประจำปี ซึ่งทุกปีจะต้องส่งไปให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ทั้งนี้งบการเงินปี 59 ได้ตรวจสอบเสร็จสิ้นไปแล้ว และได้ส่งผ่านเรียบร้อยแล้ว หนังสือรายงานงบจึงไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม เอกสารต่างๆ ภายในห้องสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนั้นเป็นเพียงเอกสารที่ กปภ.ไม่อาจจะรับทราบได้เกี่ยวกับงบการเงิน ส่วนเรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่ส่งเข้ามา เอกสารได้ส่งไปที่สำนักงานใหญ่ ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าชั้น 4 เป็นชั้นเก็บเอกสารสำคัญมากมาย นี่เป็นข้อเท็จจริงที่จะชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ส่วนพื้นที่บริเวณชั้น 3 ซึ่งอยู่ติดกับชั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ไม่มีห้องอะไรที่สำคัญ ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายออกแบบ หลังจากได้เข้าไปพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ก็ได้ตรวจสอบทุกชั้น พบว่าเอกสารยังสมบูรณ์ สามารถทำงานต่อได้

ส่วนชั้น 2 มีเอกสารสำคัญของ กปภ.จะถูกเก็บไว้ที่ชั้น 2 อาคาร 2 เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งมีห้องกองวินัย หากมีการร้องเรียนเข้ามาเรื่องพนักงานผิดวินัย ก็จะถูกเก็บไว้ที่นี่ เรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่เข้ามา เอกสารจึงยังอยู่ครบทุกเรื่องโดยสมบูรณ์ ส่วนเอกสารสัญญาต่างๆ ที่ทำมาตั้งแต่อดีตยังอยู่ครบที่อาคาร 1 ไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนชั้น1 เป็นกองจัดหา เอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง จึงถูกเก็บไว้ที่นั้น หากมีเรื่องร้องเรียน กปภ.มีเอกสารพร้อมที่จะส่งให้ สตง. ปปช. ส่วนประเด็นการทำลายเอกสารจึงอยู่ในห้องนี้

นายเสรี กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุได้ดำเนินการตามแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP แต่ไม่ประกาศ BCP พร้อมตั้งศูนย์บัญชาการภายในเวลา 14 ชม. ทั้งนี้ภายใน 30 วัน จะสรุปสถานการณ์ความเสียหาย รายงานข้อเท็จจริง และแผนฟื้นฟูส่งกรุงเทพมหานคร คาดว่าภายใน 6 เดือน อาคารดังกล่าวจะกลับมาใช้ได้ตามปกติ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า การจ่ายน้ำประปาของ กปภ. 234 สาขาทั่วประเทศ ยังคงให้บริการตามปกติ

นายเสรี กล่าวถึงประเด็นเอกสารสำคัญที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนว่า ยืนยันว่าเอกสารทุกอย่างอยู่ครบถ้วน เพลิงไหม้ไม่ได้ทำลายหลักฐาน เพราะมีสำเนาอยู่ ส่วนเรื่องร้องเรียน จำนวน 31 เรื่อง ข้อมูล ณ วันที่ 11 ม.ค.60 ประกอบด้วย 1.ไม่มีข้อมูล,ข้อร้องเรียนไม่ชัดเจน , ยุติเรื่อง จำนวน 7 เรื่อง 2.อยู่ระหว่างแก้ไขปัญหาให้โครงการเดินต่อได้ จำนวน 11 เรื่อง 3.ตรวจสอบข้อมูลโดยตั้งคณะกรรมการ จำนวน 7 เรื่อง 4.เรื่องถึง สตง. ปปช. และชั้นศาล จำนวน 6 เรื่อง โดยหัวข้อร้องเรียนแบ่งออกเป็นการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน 7 เรื่อง โครงการก่อสร้าง จำนวน 16 เรื่อง เจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบ จำนวน 3 เรื่อง กระบวนการทำงาน หรือบริหารงาน จำนวน 3 เรื่อง และประเด็นอื่นๆ จำนวน 2 เรื่อง เรื่องร้องเรียนต่างๆ ยังคงดำเนินการตรวจสอบไปตามปกติ

ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกิดเพลิงไหม้ ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะอยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ทาง กปภ. ยังได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่แล้วตามแผนการปฏิบัติ ส่วนการสอบปากคำในคืนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้วจำนวน 10 ปาก ซึ่งตนได้เข้าไปลงบันทึกประจำวัน แจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งยังไม่มีการเรียกสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ให้ส่งรายงานประเมินความเสียหายในเบื้องต้นเท่าไหร่ ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ต้องรอผลจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ในอดีตเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ชั้นล่างของอาคารดังกล่าว