เชื่อมั่นนักลงทุน3เดือนข้างหน้าร่วง 8.58%

เชื่อมั่นนักลงทุน3เดือนข้างหน้าร่วง 8.58%

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 110.24 ลดลง 8.58% ยก "ธนาคาร" ขึ้นแท่นหมวดน่าลงทุน

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ระดับ 110.24 จากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 120.59 ลดลงร้อยละ 8.58 ซึ่งยังอยู่ในภาวะทรงตัว หลังจากดัชนีอยู่ในภาวะร้อนแรงเดือนก่อนหน้า เนื่องจากนักลงทุนกังวลการไหลเข้าออกของเงินทุนและรอความชัดเจนนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ กดดันการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่วนปัจจัยบวกนักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยหมวดที่น่าสนใจการลงทุน คือ ธนาคาร ส่วนหมวดที่ไม่น่าสนใจ คือ อุตสาหกรรมเหล็ก

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยขยับจากร้อยละ 0.75 - 1.00 มาเป็นร้อยละ 1.25-1.50 ในปีนี้ ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เงินทุนบางส่วนไหลออก ซึ่งคาดว่าเงินเหล่านี้น่าจะเป็นเงินร้อน โดยตั้งแต่ต้นปีมีแรงขายของต่างชาติแล้ว 13,400 ล้านบาท หลังจากปีที่แล้วต่างชาติซื้อสุทธิ 78,400 ล้านบาท เป็นไปตามตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP คือ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปินส์ ที่เงินยังไหลออก ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงในปัจจุบัน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยในปีก่อนโดดเด่นมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ปรับขึ้นร้อยละ 19.8 ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นไม่มากและตลาดหุ้นในประเทศเพื่อนบ้านจะกลับมาโดดเด่นกว่าไทย โดยตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.17 ส่วนตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับขึ้นร้อย 2.5-8.9

ส่วนผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 8.82 นำโดยกลุ่มมีเดีย เนื่องจากปีที่แล้วกลุ่มมีเดียฐานกำไรต่ำที่มีการระงับเรื่องบันเทิง กลุ่มขนส่ง กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่คาดว่าอินโดนีเซียกำไรบริษัทจดทะเบียนสูงกว่าไทยอยู่ที่ร้อยละ 55 และ ฟิลิปปินส์โตร้อยละ 14.5 ทำให้ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดดเด่นกว่าไทยในช่วงไตรมาสแรก