Daily Market Outlook (21 มี.ค.60)

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวออกด้านข้างตามการปรับตัวลดลงเล็กน้อยของหุ้นสหรัฐจากความกังวลว่านโยบายลดภาษีและกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump จะออกมาล่าช้ากว่าที่คาดกันไว้มาก นอกจากนั้น ตลาดยังถูกกดดันจากแนวโน้มการกีดกันทางการค้า หลังจากผู้นำ G20 ไม่อาจบรรลุข้อตกลงที่จะรักษาการค้าเสรีของโลกได้ อันอาจส่งผลร้ายต่อการค้าและเศรษฐกิจของโลก ภายในประเทศ รัฐบาลยังคงดำเนินความพยายามไม่หยุดยั้งที่จะส่งเสริมภาคเอกชนในการทำธุรกิจ ล่าสุดจะใช้มาตรา 44 เร่งแก้ไขกฎหมายธุรกิจสำคัญเพื่อให้ประเทศสามารถบรรลุความก้าวหน้าในระยะต่อไปได้ รัฐบาลกำลังจะออกมาตรการสนับสนุนการลงทุนในภาคเทคโนโลยีระดับสูงและการลงทุนใน EEC เพิ่มขึ้นอีก

หุ้นเด่นวันนี้: BBL(ราคาปิด 185.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 203.00 บาท)

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นเด่นของเราในวันนี้เนื่องจากการคาดการณ์ของสินเชื่อที่ปรับตัวดีขึ้น คุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง มูลค่าหุ้นที่ถูก และอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ ถึงแม้ในปี 59 BBL ได้แสดงการเติบโตของสินเชื่อที่ไม่น่าตื่นเต้นนักที่ 3.9% แต่เราคาดสินเชื่อของธนาคารจะปรับตัวดีขึ้นที่ 7% ในปีนี้ ก่อนที่จะเร่งตัวเติบโตที่ 10% ในปี 61 ปัจจัยหนุนที่สำคัญคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐมูลค่ากว่า 1.1 ล้านล้านบาทซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในปีนี้ โดยเราคาดว่ามากกว่า 60% ของเงินทุนจะมาจากสินเชื่อจากภาคธนาคาร อีกทั้ง เรามองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและผลักดันความต้องการสินเชื่อของการลงทุนจากภาคเอกชนอีกด้วย นอกจากนี้ เราชอบ BBL ตรงที่ธนาคารมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง โดยในปี 59 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ของธนาคารอยู่ที่ 173.6% นับเป็นระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ธนาคารไม่ต้องเผชิญกับแรงกดดันที่มากนักในการตั้งสำรอง ในแง่ของการประเมินมูลค่า หุ้น BBL ยังซื้อขายกันในอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.9 เท่า ธนาคารได้ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 4.50 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งให้อัตราเงินปันผลตอบแทนครึ่งปีอยู่ที่ 2.4% หรือคิดเป็น 4.9% ต่อปี มีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 20 เม.ย. 2560 เราประมาณการกำไรของ BBL จะเติบโต 11.2% ในปี 60 และ 15.5% ในปี 61 ฟื้นตัวจาก -6.9% ในปี 59

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ซูเปอร์บอร์ดรื้อ ToRรางคู่ใหม่คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (ซูเปอร์บอร์ด) ตัดสินใจยกเลิกร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ToR) เดิมสำหรับโครงการรถไฟรางคู่ที่มีข้อขัดแย้งห้าโครงการเพื่อแก้ข้อกล่าวหาว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย การตัดสินใจนี้ต้องให้การรถฟาแห่งประเทศไทยตกลงก่อนจะเสนอต่อให้ ครม. พิจารณาขั้นสุดท้าย จากนั้นร่าง ToRใหม่และกระบวนการประมูลจึงจะเริ่มได้ โดยซูเปอร์บอร์ดและ รฟท. จะประชุมกันพรุ่งนี้ (Bangkok Post)

• พิจารณาใช้ ม.44 เร่งการลงทุนรัฐบาลจะอาศัยอำนาจตาม ม.44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อเร่งรัดแก้ไขกฎหมาย 5 ฉบับเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจในไทยก่อนที่ธนาคารโลกจะเข้ามาประเมินใน พ.ค. นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธานประชุม ครม. ย่อยได้ตกลงที่จะใช้ ม.44 เพื่อแก้ไขพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ร.บ.ประกันสังคมและ พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารโลกจัดอันดับความง่ายในการทำธุรกิจไทยอันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศ โดยขึ้นมาจากที่ 49 ปีที่แล้ว (Bangkok Post)

• แผนการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกใหม่จะพิจารณาใน มี.ค. ก.อุตสาหกรรมกล่าวว่าจะเสนอสิทธิการลงทุนให้ ครม.พิจารณาภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้เพื่อกระตุ้นและสนับสนุนการลงทุนที่แท้จริงในส่วนไฮเทคและระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (Bangkok Post)

• PTTEP (90.00 บ. ขาย ราคาเป้าหมาย AWS 73.00 บ.): กระทรวงความร่วมมือทางทะเลของอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเตรียมการฟ้องร้อง PTTEP เกี่ยวกับการสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมจากเหตุการณ์เพลิงไหม้แท่นขุดเจาะน้ำมันในแหล่งมอนทาราในปี 2552 จนทำให้มีน้ำมันรั่วไหลออกมา แถลงการณ์ของรัฐบาลอินโดนีเซียมีขึ้นหลังจากที่การเจรจาได้เผชิญภาวะชะงักงันในปี 2555 ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ยังมีการฟ้องร้องและเรียกร้องจากกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงสาหร่ายในทะเลอินโดนิเซีย มูลค่าการเรียกร้องความเสียหายทั้งสิ้น 200 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (154 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ทั้งนี้รัฐบาลอินโดนีเซีย และและสำนักงานอัยการกำลังเก็บรวบรวมหลักฐาน และได้มีการเชิญพยานซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญราว 50 รายมาให้ข้อมูลสนับสนุนการฟ้องร้อง (Bangkok Post)ความเห็น: อ้างอิงจากแหล่งข่าวสาธารณะและการเรียกร้องของรัฐบาลอินโดนีเซียมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราเห็นว่าได้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมในบริเวณชายฝั่งทะเลอินโดนิเซีย และมองประเด็นดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อ PTTEP โดยเฉพาะหากมีการประเมินผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมและมีหลักฐานชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ค่าเสียหายชดเชย 200 ล้านเหรียญออสเตรเลียที่อยู่ในข่าวพบว่าจะกระทบกับ EPS ของ PTTEP ราว 1.33 บาท และเงินสดในมือราว 7% เรายังคงคำแนะนำ ขาย สำหรับ PTTEP ภายใต้ความเสี่ยงดังกล่าว

ต่างประเทศ:

• ราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก ยืนยันมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้นักลงทุนที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นผิดหวัง ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 7/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 2.48% ลดลงจากที่ระดับ 2.50% เมื่อวันศุกร์ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันจันทร์โดยได้แรงกดดันจากความเห็นจากเฟดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ก่อนซึ่งเฟดไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างที่หลายคนคาดไว้ก่อนหน้านี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ลดลง 0.3% ในตลาดเอเชียและในช่วงแรกของการซื้อขายในตลาดยุโรปก่อนปรับตัวขึ้น 0.1% อยู่ที่ระดับ 100.40 (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเป็นกังวลว่าแผนของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะปรับลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น หุ้นกลุ่มค้าปลีกฉุดตลาดลงเนื่องจากนักลงทุนเป็นกังวลว่าการเก็บภาษี ณ พรมแดน (Border Adjustment Tax) ที่พรรครีพับลิกันกำลังผลักดันเข้าสู่สภาคองเกรสนั้นจะนำไปสู่ราคาสินค้าที่สูงขึ้น (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยจากระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ที่ไม่สามารถทำตามปฏิญาณที่จะรักษาการค้าเสรีได้ ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงมีผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันและหุ้นธนาคารดอยช์แบงก์กดดันให้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงก่อนการเริ่ม cash call ของธนาคารจำนวน 8 พันล้านบาท (Reuters)

• ผลสำรวจระบุว่าเลอเปนจะผ่านการเลือกตั้งรอบสอง นางมารีน เลอเปน กล่าวถึงการตัดสินใจของอังกฤษที่จะออกจากอียูและการชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของทรัมป์ว่าเป็นตัวอย่างที่จะทำตาม ตราบเท่าที่นโยบายการเข้าเมืองยังเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง จากการโต้วาทีที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์เมื่อวันจันทร์ เธอยังได้ประนามผู้สมัครชิงตำแหน่งรายอื่น ๆ ซึ่งวิจารณ์ว่าแผนของเธอที่จะให้ฝรั่งเศสออกจากอียูเป็นการทำให้เกิดความกลัวมากขึ้น ผลสำรวจชี้ว่านางเลอเปนมีโอกาสชนะการเลือกตั้งรอบสองเหนือผู้สมัครอิสระคือนาย Emmanuel Macron ซึ่งเป็นกลาง และเป็นผู้สมัครที่สนับสนุนการอยู่ในสหภาพยุโรปมากที่สุด (Reuters)

เอเชีย:

• นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซะ อาเบะ จะไปเยือนรัสเซียในเดือนหน้าเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิเมียร์ปูตินโดยมีเป้าหมายในการผลักดันความพยายามในการยุติการถกเถียงในดินแดนที่เป็นปัญหากันและสรุปสนธิสัญญาสันติภาพ อาเบะได้ให้คำมั่นที่จะแก้ปัญหาข้อพิพาทเหนือดินแดนหมู่เกาะแปซิฟิกตะวันตกซึ่งกองกำลังโซเวียตยึดไปในตอนท้ายของสงครามโลกครั้งที่สองด้วยความหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นเพื่อต่อต้านการขึ้นมาของจีน (Reuters)

• ธนาคารจีนในปี 2559 มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและตัวเลือกการให้กู้ยืมที่ให้ผลตอบแทนน้อยลง แม้ว่าการเติบโตของเครดิตในจีนยังคงแข็งแกร่ง แต่หนี้เสียก็ยังคงกดดันต่อผลการดำเนินงาน ธนาคารมีกำหนดจะออกรายงานประจำปีในสัปดาห์หน้า ส่วนแบ่งกำไรได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังจากที่จีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 6 เท่าในปี 2557-2558แรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในปี 2560(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบร่วงวันจันทร์ ปิดรายสัปดาห์บวกเล็กน้อย แม้มีข่าว OPEC ขยายเวลาลดกำลังการผลิตไปอีก 6 เดือนแต่นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการเติบโตขึ้นของปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและสต็อกที่อยู่ระดับสูง น้ำมันดิบ Brent ลบ 14 เซนต์ปิด 51.62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐลบ 56 เซนต์ (1.2%) ปิด 48.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์วันจันทร์ เพราะดอลลาร์แตะจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ หลังการประชุม G20 เมื่อสุดสัปดาห์ถูกครอบงำด้วยท่าทีกีดกันทางการค้าของสหรัฐ ราคาทองคำตลาดจรปิดบวก 0.44% ที่ 1,233.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังแตะ 1,235.505 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สูงสุดนับแต่ 6 มี.ค. ทองคำล่วงหน้าบวก 0.3% ปิด 1,234.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)