วัสดุก่อสร้างออนไลน์ วัดฝีเท้า 'วันสต็อกโฮม'

วัสดุก่อสร้างออนไลน์  วัดฝีเท้า 'วันสต็อกโฮม'

เรียกว่าอาจเป็นเจ้าแรกเลยก็ว่าได้ ที่นำสินค้าวัสดุก่อสร้างมาขายบนโลกออนไลน์ เพราะเว็บไซต์วันสต็อกโฮมเปิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมาแล้ว

"เลยได้รู้ว่าโมเดลธุรกิจของเราตอบโจทย์ได้จริงๆ เราเทสต์แล้วว่าลูกค้าต้องการแบบนี้ต้องตอบโจทย์เขาอย่างไร ปัจจุบันหากมีคนมาแข่งก็อาจทำได้ไม่ทัน แต่ถ้าเราไม่คิดพัฒนาอะไร คู่แข่งก็มีโอกาสชนะแน่นอน"


อย่างไรก็ตาม "อนวัช คิมหสวัสดิ์" (เคี้ยว) หนึ่งในผู้ก่อตั้ง วันสต็อกโฮม (OneStockHome) บอกว่าแม้ดูเหมือนธุรกิจจะสตาร์ทได้ดี แต่ที่ผ่านมาการเติบโตก็เป็นแบบออร์แกนิก คือค่อยๆโต และน่าจะดีกว่าถ้าธุรกิจจะอยู่ในรูปแบบ "สตาร์ทอัพ" ที่สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดด


"พี่สาวผมคุณฮู้ -วชิรา คิมหสวัสดิ์ บังเอิญได้เข้าฟังสัมมนาเกี่ยวกับเทคโนโลยี เลยรู้ว่ามีธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งหลักๆเป็นการนำเอาเทคโนโลยีช่วยทำให้คนทำงานง่ายขึ้น หานวัตกรรม วิธีการใหม่ๆที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าและบริการที่ดีขึ้น ช่วยพัฒนาชุมชนและอุตสาหกรรม ซึ่งตรงกับความต้องการของผมกับพี่สาว ที่รู้ว่าวงการก่อสร้างมันใหญ่และโตไวมาก แต่การสั่งซื้อและทุกอย่างยังคงโลว์เทค ยังไม่สะดวกสำหรับลูกค้า พวกเราอยากทำให้อุตสาหกรรมนี้ดีขึ้น เพื่อที่เราจะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดด้วย"


ย้อนถึงความเป็นมา วันสต็อกโฮมนั้นก้าวจากธุรกิจออฟไลน์ซึ่งเป็นร้านวัสดุก่อสร้าง อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา และเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมาโมเดิร์นเทรดขายวัสดุก่อสร้างเริ่มรุกเข้าไปบุกตลาด อนวัชเล่าว่าคุณพ่อของเขามองว่า มันจะส่งผลกระทบกับร้านเล็กๆ เลยฝากโจทย์ให้ลูกๆ คิดว่าทำไมไม่มองหาช่องทางอื่นๆเพื่อบริหารความเสี่ยง


"ตอนนั้นคุณพ่อท่านแนะนำว่าควรเป็นออนไลน์ไหม คุณฮู้ตอนนั้นทำงานที่เอซี นีลเส็นประจำอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก็ลองดูว่าเว็บไซต์จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และได้ไปเจอแพลตฟอร์มราคาไม่แพงก็เลยเอามาทำ จุดเริ่มต้นเรามาจากตรงนี้"


ตัวอนวัชเองเรียนจบสถาปัตยกรรม ที่สหรัฐอเมริกาและทำงานเป็นสถาปนิกอยู่ไม่กี่ปีก็ลาออกเพราะรู้ว่าสิ่งที่ชอบกลับเป็นเรื่องของบิสิเนส จึงไปสมัครและเข้าทำงานที่ เอซี นีลเส็น ประเทศไทย


"ช่วงนั้นตัวเว็บไซต์วันสต็อกโฮมของทางบ้านเกิดขึ้นแล้ว พี่สาวผมได้เริ่มใส่ข้อมูลลงในเว็บ ซึ่งเป็นข้อมูลที่คิดว่าถ้าเราอยู่ในฐานะคอนซูมเมอร์จะอยากรู้อะไรบ้าง ที่สำคัญก็คือ สินค้ามีราคาเท่าไหร่ พอลูกค้าเห็นก็สอบถามเข้ามาเยอะมาก ตัวผมเห็นว่ามีช่องทางเลยตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำแบบเต็มตัว"


จวบถึงวันนี้ วันสต็อกโฮมยังคงโฟกัสในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาได้พบว่าปัญหาที่ลูกค้าพบเจอเวลาไปซื้อของที่หน้าร้านเป็นเรื่องของความเชื่องช้า เพราะทุกอย่างเป็นออฟไลน์ ลูกค้าต้องไปหน้าร้าน ต้องไปเช็คของ ต้องไปดีลกับเจ้าหน้าที่ และบางทีการเซอร์วิสก็ไม่ดี มีการส่งของไม่ตรงเวลา บางทีสินค้าก็แตกหักเสียหาย และไม่รู้ว่าจะเคลมได้อย่างไร


"นโยบายของเรามีเป้าหมายว่าต้องทำให้ทุกๆโพรเซสการสั่งซื้อให้สั้นลง นั่นคือ ทุกๆข้อความที่ลูกค้าพิมพ์ถามเข้ามา เราจะต้องตอบเขาภายในสิบนาที ส่วนการนำเสนอราคาต้องเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง และภายใน 1-2 วัน จะต้องส่งของไปถึงหน้างาน"


วันสต็อกโฮมมีสโลแกนว่า "เปลี่ยนความวุ่นวายเรื่องวัสดุก่อสร้าง ให้เป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วคลิก" ปัจจุบันเว็บมีสินค้าอยู่ประมาณ 5 พัน เอสเคยู เป็นแบรนด์ของเอสซีจี และแบรนด์อื่น ๆกว่า 20 แบรนด์


"หลักๆ เราผูกกับเอสซีจี ซึ่งเปิดให้เราดีลกับแบรนด์อื่นๆได้ เขาอยากให้เราเป็นตัวของเราเอง มีความเป็นกลาง ยุติธรรม นำเสนอสินค้าที่มีประโยชน์กับลูกค้าจริงๆ จุดแข็งของเว็บเราจึงเป็นเรื่องของราคาที่มีความโปร่งใส ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบราคาได้ว่าด้วยราคาประมาณนี้ หน้าตาประมาณนี้ ด้วยงบเท่านี้ทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น เนื่องจากเว็บเราดีลกับบริษัทใหญ่หลายๆบริษัท จึงสามารถจับเอาแบรนด์สินค้าต่างๆ มาเปรียบเทียบราคาได้เลยทันที"


สำหรับลูกค้าของวันสต็อกโฮมในเวลานี้ 30% เป็นเจ้าของบ้าน ขณะที่ 70% เป็นกลุ่มผู้รับเหมา


"โลกออนไลน์ในวันนี้เป็นอะไรที่ทุกคนเข้าถึง ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหนก็เข้าถึงได้ และการที่คนเข้าถึงได้ก็เป็นเหมือนสองด้าน ธุรกิจได้รู้ถึงพฤติกรรมของลูกค้า คือแทรคได้ในระดับโกลบอลสเกล"


ตรงกันข้าม แต่ถ้ายังคงเป็นแค่หน้าร้านเฉยๆ ข้อมูลที่ได้รับรู้ก็เพียงแค่ตลาดในท้องถิ่นเท่านั้น เขาย้ำว่าเทคโนโลยีถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับยุคสมัยนี้และมันก็ไม่มีลิมิต ถ้าดึงคนให้เข้าสู่ระบบได้มากเท่าไหร่ธุรกิจก็ยิ่งมีโอกาสเรียนรู้ได้มากเท่านั้น ทั้งสามารถนำเอาข้อมูลไปพัฒนาเซอร์วิสและโปรดักส์ให้ดียิ่งขึ้นด้วย


อนวัชบอกว่า แผนการเติบโตของวันสต็อกโฮมในปีนี้ก็คือ ทำให้ยอดขายโตขึ้นถึง 5 เท่า (ปีที่ผ่านมามียอดขาย 150 ล้านบาท) รวมถึงก้าวเป็นนัมเบอร์วันตลาดอีคอมเมิร์ซวัสดุก่อสร้างในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ซึ่งในความเป็นจริงเว็บมีกลุ่มลูกค้าประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้อยู่แล้ว มีการซื้อขายกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว กัมพูชา เหลือแต่เวียดนามที่อยู่ขั้นตอนเจรจากับพาร์ทเนอร์ ที่มองไว้ก็คือดีเวลลอปเปอร์กับธุรกิจจัดซื้อรายใหญ่


ส่วนเรื่องการแข่งขัน อนวัชมองว่ามีบ้างกับธุรกิจออนไลน์แต่แท้จริงแล้วคู่แข่งรายใหญ่ๆ ที่ต้องสู้หลักๆนั้นเป็นกลุ่มโมเดิร์นเทรด ซึ่งมีความพร้อมและเข้าถึงลูกค้าได้ค่อนข้างเยอะ แต่ที่สุดแล้วใครๆต่างก็มุ่งออนไลน์ รวมถึงคู่แข่งจากทั่วโลกโดยเฉพาะจีนที่เริ่มเข้ามาแข่ง


"เราดูว่ายังไม่มีประเทศไหนในโลกที่โฟกัสอีคอมเมิร์ซวัสดุก่อสร้างที่เป็นคอมโมดิตี้ เพราะเขาไปทำอย่างอื่นอาจมีกำไรชัดเจนกว่า เรายังมีโอกาสแต่ต้องทำให้โตได้ไว ต้องชิงบุกก่อน ลงมือทำก่อน "


ต้องการระดมทุนหรือไม่? คำตอบก็คือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวันสต็อกโฮมมีกำไรเลี้ยงตัว แต่ถ้ามีคนสนใจอนวัชฝากว่าที่ต้องการก็คือ นักลงทุนที่ไม่ได้มีแค่เงินลงทุน หรือต้องการหุ้นอย่างเดียว แต่ควรมาพร้อมวิธีการ และอุดมการณ์ที่เหมือนกันคืออยากจะพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ไปพร้อมๆกัน


"แน่นอนสตาร์ทอัพจะต้องโต ต้องสเกลให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่เราอยากได้ไม่ใช่แค่การเติบโตของบริษัท แต่ต้องการพัฒนาวิธีการซื้อขายที่โลว์เทคให้ทันสมัย สะดวกสบาย ส่งผลให้เจ้าของบ้าน และเจ้าของโครงการได้รับการบริการที่ดีขึ้น ที่เราอยากสร้างก็คือ หนึ่ง ความโปร่งใส สอง พัฒนาประสิทธิภาพให้มีการสูญเสียน้อยที่สุดเช่นเรื่องของเวลา และทำให้สินค้ามีราคาถูกที่สุด"


เขาบอกว่าวิชั่นของวันสต็อกโฮมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จะมีเปลี่ยนก็ตรงที่เมื่อก่อนอาจคิดแบบเอสเอ็มอีมุ่งสร้างยอดขาย แต่ที่สุดก็รู้ว่าธุรกิจจะโตได้เป็นเพราะมีความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง บริษัทที่จะเติบโตได้ต้องมีมุมมองว่าจะพัฒนาช่วยเหลือสังคมอย่างไร การทำให้สังคมอยู่โดยปราศจากบริษัทของเราไม่ได้ ก็คือคีย์สำคัญ


จะชนะต้องคิดต่าง
ทุกวันนี้ธุรกิจดั้งเดิมซึ่งเป็นหน้าร้านของครอบครัวคิมหสวัสดิ์ยังคงดำเนินการอยู่ แต่ได้แยกธุรกิจออนไลน์เปิดเป็นอีกหนึ่งบริษัท ธุรกิจออฟไลน์กับออนไลน์จะไม่ข้องเกี่ยวกัน


ถ้าถามถึงความท้าทาย เขามองว่าหลักๆ น่าจะเป็นเรื่องของ "ทัศนคติ" แต่บอกว่าโชคดีที่ทีมวันสต็อกโฮมได้เข้าโปรแกรมบ่มเพาะของ Digital Ventures Accelerator หรือดีวีเอ ซึ่งเป็นของ ดิจิทัล เวนเจอร์ส


"ทำให้เราได้มาเจอคนที่มากมายหลากหลาย ได้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่่ส่งเสริมซื่งกันและกัน ทีมที่ได้เข้าโปรแกรมได้มานั่งทำงานที่เดียวกันและได้ช่วยเหลือกัน เราได้ยินว่าใครทำอะไร พร้อมกับได้แชร์ข้อมูลให้กัน ทุกคนที่มานั่งอยู่ตรงนี้ก็มีจุดแข็งที่ค่อนข้างชัดเจน ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่เราจะได้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยทาเลนท์หรือคนเก่ง ๆแบบนี้ แล้วได้มาแชร์ความรู้ให้กัน ทำให้เราได้เรียนรู้และมองเห็นว่าสิ่งที่เราขาดหายไปคืออะไร สิ่งที่เราต้องทำต้องเป็นอะไร"


คนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความสำเร็จ และอนวัชก็เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า ความสำเร็จมันเกิดขึ้นจากความคิด มุมมองที่มีความหลากหลาย (Diversity)


" ทีมของวันสต็อกโฮมพยายามจะทำให้บุคลากรของเรามีจุดเด่นเรื่องนี้ เพราะธุรกิจกำลังเติบโต เราไม่อยากได้คนที่มีแบ็คกราวน์เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ผมเคยไปเข้าโครงการพรีแอคเซเลอเรท ที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่นมาก่อน ซึ่งมีเมนเทอร์บินตรงมาจากซิลิคอนวัลเล่ย์ เขาบอกผมว่าคีย์สำคัญที่ทำให้ธุรกิจชนะก็คือ ความหลากหลาย ซึ่งผมเห็นด้วย การที่มีคนคิดไม่เหมือนเรา มันจะทำให้บริษัทสามารถค้นหาช่องทางที่นอกเหนือไปจากกรอบคิดในหัวของเราและช่วยสร้างความเติบโตไปได้เรื่อยๆ"