สหพัฒน์ฯทุ่ม600ล.เล็งลงทุนคลังสินค้า

สหพัฒน์ฯทุ่ม600ล.เล็งลงทุนคลังสินค้า

"สหพัฒน์" ทุ่ม 600 ล้านผุดคลังสินค้า 2 หมื่นตร.ม.รับตลาดแข่งเดือด เร่งดึงแบรนด์ดังไทย-เทศ เสริมพอร์ตรายได้ หลัง "ไนกี้-กะทิอร่อยดี" เลิกสัญญา

สหพัฒน์ จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภครายใหญ่ของประเทศ สะท้อนภาพรวมกำลังซื้อในประเทศ ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากยอดขายสองเดือนแรกยังคงเติบโตต่ำกว่าเป้า โดยยังคงเดินหน้าเฟ้นหาสินค้าเข้าพอร์ต ผลักดันรายได้

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทได้เดินหน้าหาสินค้าใหม่ๆเข้ามาเสริมพอร์ตเพื่อจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่หลักพันรายการ ประกอบกับปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทได้สูญเสียลูกค้า 2 รายใหญ่ ได้แก่แบรนด์กะทิอร่อยดี หลังทำตลาดมากว่า 10 ปี สร้างยอดขายตั้งแต่หลักสิบล้านบาทสู่หลักกว่า 2,000 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์กีฬาไนกี้ ทำตลาดมาราว 10 ปี มียอดขายราว 200 ล้านบาท รวม 2 แบรนด์กระทบรายได้ 2,600 ล้านบาท

ล่าสุด บริษัทได้เป็นผู้จัดจำหน่ายและกระจายสินค้าใหม่ 2 แบรนด์สำคัญ ได้แก่ กะทิพร้าวหอม ของบริษัท สุรีย์ อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด เข้ามาทำตลาดทดแทนกะทิแบรนด์เดิม ซึ่งในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสร้างยอดขายได้ 500 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าอื่นๆของสุรีย์อยู่แล้ว

ดึงอันเดอร์ อาร์เมอร์ เสียบไนกี้

นอกจากนี้ ยังได้เป็นผู้จัดจำหน่ายและกระจายสินค้ากีฬาแบรนด์ดังระดับโลกอย่างอันเดอร์ อาร์เมอร์(Under Armour) จากสหรัฐ และยังได้สิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทยสำหรับแบรนด์อันเดอร์ อาร์เมอร์ คิดส์

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ปรับเปลี่ยนชื่อร้านที่จำหน่ายสินค้าไนกี้ให้เป็นร้าน “บียอนด์ ช็อป” จำนวน 25 สาขา เพื่อจำหน่ายสินค้ามัลติแบรนด์ ได้แก่ พูม่า อาดิดาส อันเดอร์ อาร์เมอร์ เป็นต้น โดยสาขาดังกล่าวลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท และประเดิมสาขาแรกที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยเป้าหมายยอดขายของอาเมอร์ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 200 ล้านบาท

ชูกลยุทธ์ SIM บุกตลาด

ส่วนแนวทางการทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ SIM มากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาสถานการณ์ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคแข่งขันรุนแรงมาก โดย S : Strategic Marketing Planner วางแผนพัฒนาการตลาดและสินค้าแต่ละตัวเพื่อให้ได้เป้าหมายตามที่ตั้งไว้ และหากพบปัญหาระหว่างดำเนินการต้องรีบแก้ไขโดยทันที I : Initiator การคิดริเริ่มสร้างสรรค์สินค้าใหม่ให้กับองค์กร และต้องมีการบันทึกข้อมูลไว้ จากเมื่อก่อนดำเนินการแต่ไม่บันทึกข้อมูล และ M : Motivator การมีผู้ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดนโยบายของผู้บริหารไปสู่บุคลากร เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ทำตลาดเฉพาะเจาะจง

"เมื่อก่อนสหพัฒน์ทำตลาดแบบกว้างขวางเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ(เนชั่นไวด์)มาตลอด แต่จากนี้ไปเงินที่ใช้ในการทำตลาดต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะไม่ใช้แบบหว่านแห แต่จะเป็นการโฟกัสเป็นจุดๆ เฉพาะเจาะจงพื้นที่ท้องถิ่นหรือโลคัลไลซ์มากขึ้น ให้น้ำหนักกับพื้นที่ที่มีปัญหาค่อนข้างมาก การชิงโชคอาจจัดขึ้นตามสถานการณ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ การใช้กลยุทธ์ SIM เกิดการแข่งขันที่รุนแรงมาก คู่แข่งทางการตลาดทุ่มงบเยอะโดยไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งอาจเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจกำลังซื้อไม่ดีเมื่อเป็นเช่นนั้นยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดของเรายังไม่ลดลง แต่เราก็ต้องป้องกันไว้ก่อน"

สำหรับการแข่งขันที่รุนแรงมาก เกิดขึ้นในตลาดสินค้าผงซักฟอก ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 1 หมื่นล้านบาท และแบรนด์ 108 ช็อป ของบริษัทถูกโจมตีตลาดหนักมาก และสินค้าดังกล่าวบริษัทจำหน่ายเฉพาะช่องทางร้านค้าทั่วไป(เทรดดิชั่นนอลเทรด)เท่านั้น ปัจจุบันผงซักฟอกที่สหพัฒน์ทำตลาดอยู่ ทั้งแบรนด์เปา 108 ช็อป และซื่อสัตย์ มียอดขายราว 5,000 ล้านบาท และเป็นเบอร์ 2 ของตลาด ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคู่แข่งก็ทำตลาดแรงมาก

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการทำตลาดสินค้าทุกรายการ แต่น้ำแร่มองเฟลอร์ จะเป็นอีกตัวที่บุกหนัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 15% จากมูลค่าตลาดน้ำแร่ 4,000 ล้านบาท โดยมองเฟลอร์เป็นเบอร์ 3 มีส่วนแบ่งทางการตลาด 16%

ลุ้นกำลังซื้อฟื้นตัว

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจกำลังซื้อในปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ต้องจับตาดูสถานการณ์ภัยแล้งจะกระทบต่อการเพาะปลูกของเกษตรกรและรายได้หรือไม่ ส่วนแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) คาดการณ์จะเติบโตระดับ 3% หรือมากกว่า

“ภาพการค้าปลีกขยายตัวไม่แพ้ปีก่อน เห็นได้จากสินค้าต่างๆมีการระบายออกในแต่ละช่วงที่ ส่วนยอดขาย 2 เดือนแรกของมาม่ามีการเติบโต 7% ยอมรับว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 10%”

ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์-คลังสินค้า

นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมพร้อมองค์กรเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการวางรากฐานธุรกิจด้านศูนย์กลางข้อมูลหรือดาต้า เซ็นเตอร์ โดยปี 2559 ใช้งบลงทุน 52 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับระบบคลาวด์ต่างๆ สำหรับการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าที่เป็นร้านค้าทั่วไปหรือโชห่วยในเครือข่ายของสหพัฒน์ที่มีหลักแสนรายแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) และในปีนี้จะใช้งบลงทุนเพิ่ม 10 ล้านบาท เสริมแกร่งให้ระบบมากขึ้น

“ปีที่แล้วบริษัททดลองให้ลูกค้าที่เป็นร้านค้าต่างๆ 700 ราย โดยไม่ต้องรอให้เซลล์หรือหน่วยรถของสหพัฒน์ไปจด ลูกค้าก็มาสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ และบริษัทก็จะดำเนินการส่งสินค้าให้ในวันถัดไป ซึ่งจากการทดลองดังกล่าวพบว่ายอดขายมีการเติบโตขึ้นถึง 150% และปีนี้จะขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ในพื้นที่ๆบริษัทมีคลังสินค้าอยู่ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น และศรีราชา”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขยายคลังสินค้ากลางอีก 2 หมื่นตารางเมตร(ตร.ม.) จากเดิมมีอยู่แล้วที่จังหวัดชลบุรีพื้นที่ 3 หมื่นตร.ม. โดยคลังแห่งใหม่ดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุที่ตั้งโครงการได้

มาม่าโต 7.5%สูงสุดรอบ 5 ปี

นายเวทิต กล่าวอีกว่า ภาพรวมยอดขายของมาม่าในปี 2559 เติบโต 7.5% สูงสุดในรอบ 5 ปี โดยที่ผ่านมา ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่าราว 10,900 ล้านบาท มีการเติบโต 1.6% เท่านั้น

ในปีนี้ บริษัทเพิ่มงบการตลาด 10-20% จากปีก่อนใช้ไป 230 ล้านบาท เพื่อทำตลาดมาม่า พร้อมทั้งออกสินค้าใหม่หลายรายการ เช่น มาม่าคาโบนาร่า มาม่าข้าวต้มรสหมูสับกระเทียมพริกไทย มาม่ามัสมั่นไก่ โจ๊กมาม่าต้มยำกุ้ง เส้นหมี่ขาวมาม่า เป็นต้น โดยปีนี้บริษัทยังตั้งเป้ายอดขายมาม่าให้เติบโต 10%

อย่างไรก็ตาม ปีนี้สหพัฒน์ต้องเป้ายอดขายอยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย ที่มียอดขายกว่า 3.28 หมื่นล้านบาท เติบโต 13.2% จากปี 2558 และมีกำไรสุทธิ 1,374 ล้านบาท