อดีตคนรักของลูกสะใภ้มาหาบ่อย คาดพ่อผัวเตือนไม่ฟังจ่อยิงดับ

อดีตคนรักของลูกสะใภ้มาหาบ่อย คาดพ่อผัวเตือนไม่ฟังจ่อยิงดับ

คนรักเก่าของลูกสะใภ้ แวะเวียนมาหาจนสนิทลูกชาย ไม่พ้นคำนินทาอยู่แบบสามคนผัวเมีย คาดพ่อผัววัย77แค้น จ่อยิงสาหัส-ตายที่โรงพยาบาล

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 มีนาคม ร.ต.อ.สมชาย ใต้เมืองปักษ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากทางห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ว่า มีเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งตัวมาจาก บ.หมากตูม หมู่ 8 ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล หลังรับแจ้งจึงออกไปสอบสวน พร้อม พ.ต.ท.สิทธิพงษ์ ปัญจนะ รอง ผกก.หน.สภ.นาข่า ทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อ นายณรงค์ ลาพิมล อายุ 45 ปี ชาวอ.หนองหาน จ.อุดรธานี แพทย์ชันสูตรศพ พบว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38เข้าบริเวณขมับซ้าย1นัด และใต้ราวนมซ้าย1นัด กระสุนฝังใน ถูกยิงมาจากกระท่อมนา ท้ายหมู่บ้านหมากตูม หมู่ 8 ต.นาข่า

จากนั้นจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นกระท่อมนาแบบยกพื้นสูง ที่ป่าโคกดงหนองตาล ทางเข้าเป็นถนนลูกรังห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 4 กม. ตรวจสอบบนกระท่อมนา พบรอยเลือดจำนวนหนึ่งบนพื้นกระท่อม 2 จุด และมีคราบเลือดหยดเป็นทางยาว ไปตามบันได และพื้นดิน คาดว่าเป็นรอยเลือด ช่วงที่นำร่างคนเจ็บขึ้นรถกระบะ เพื่อส่งตัวไปยังโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และบนกระท่อมพบขวดเหล้าขาวขวดใหญ่ 2 ขวด ไม่มีร่องรอยต่อสู้ ใกล้กับกระท่อมค้านล่าง พบรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ของผู้ตายจอดอยู่ และรถการเกษตรสำหรับบรรทุกฟืน จอดอยู่หน้ากระท่อมนา

จากการสอบสวน นายสุกัณฑ์ มาหลิน อายุ 48 ปี ชาวต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าของกระท่อมนาให้การว่า ตนและนางมัลทิรา มาหลิน อายุ49ปี แต่งงานมีบุตรด้วยกัน2คน มีอาชีพทำนา ส่วนนายณรงค์ผู้ตาย เป็นแฟนเก่าของนางมัลทิรา เคยคบกันเมื่อครั้งไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน เมื่อปี 2537-2538 แต่นายณรงค์มีภรรยาแล้ว นางมัลทิราจึงได้บอกเลิกและมาแต่งงานกับตน

เมื่อปี 2558 นางมัลทิราได้มาเดินรณรงค์ต้านยาเสพติดที่สนามทุ่งศรีเมือง และไปพบกับนายณรงค์ฯ ผู้ตายโดยบังเอิญที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับทุ่งศรีเมือง จึงทราบว่านายณรงค์หย่าร้างกับภรรยาแล้ว ทั้งสองจึงได้แลกเบอร์โทรศัพท์มือถือกัน

นายสุกัณฑ์ ให้การต่อไปว่า หลังจากนั้นนายณรงค์ก็มักจะขี่รถจักรยานยนต์มาหาที่บ้านตนบ่อย ๆ ซึ่งตนและผู้ตายต่างก็คุยถูกคอกันดี ทุกครั้งที่เยี่ยมผู้ตายก็จะถือเหล้าหรือกับแกล้มชวนตนตั้งวงดื่มเหล้าด้วย เมื่อเมาก็จะนอนค้างคืนที่บ้านหรือที่กระท่อมนาเป็นประจำ แม้เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะดูแลกันเป็นอย่างดี ทำให้ชาวบ้านต่างนินทาต่างๆ นานา ว่าพวกตนอยู่กันแบบสามคนผัวเมีย

ทำให้พ่ออายุ 77 ปี ของตนไม่พอใจ ได้เรียกภรรยาของตนไปว่ากล่าวตักเตือนว่าไม่เหมาะสม และต่อว่าผู้ตายถึงขั้นทะเลาะมีปากเสียงกัน ก่อนเกิดเหตุเย็นวันที่ 19 มีนาคม ขณะที่ตนและภรรยา ได้ขับออกมาหาฟืนที่นาป่าโคกดงหนองตาล ซึ่งได้สร้างกระท่อมนาไว้สำหรับพักผ่อน บางครั้งหากงานไม่เสร็จก็อาศัยหลับนอนที่นี่ ผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาตนและภรรยา จากนั้นได้ตั้งวงดื่มเหล้ากัน โดยมีเพื่อนบ้านเป็นชายมาร่วมวงอีก 1 คน รวมเป็น 4 คน กระทั่งดึกเพื่อนบ้านได้ขอตัวกลับ ส่วนตนและภรรยากางมุ้งนอนอยู่ด้านซ้ายของกระท่อมนา ส่วนผู้ตายนอนอยู่บนเปลญวน

กระทั่งเวลา05.30น. ตนและภรรยาต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ตนได้เปิดมุ้งออกมาดู ก็พบผู้ตายถูกยิงนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่บนพื้นกระดาน ตนเห็นคนร้ายถือปืนกระโดดลงจากกระท่อมนา วิ่งหนีมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้าน จำได้ว่าเป็นพ่อของตนที่เคยมีเรื่องทะเลาะกับผู้ตาย ตนสั่งให้ภรรยาประคองผู้ตายไว้ แล้ววิ่งลงไปถอยรถกระบะเข้ามารับผู้ตายไปส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

พ.ต.ท.สิทธิพงษ์ ปัญจะนะ รอง ผกก.หน.สภ.นาข่า เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ นอกจากนายสุกัณฑ์และนางมัลทิรา และจากการสอบสวนทั้งสอง ให้การตรงกันว่า ขณะที่ทั้งสองนอนหลับ ได้มีคนร้ายย่องขึ้นมายิงผู้ตาย ส่วนนายสุกัณฑ์ระบุว่าคนร้ายคือพ่อของนายสุกัณฑ์ แต่นางมัลทิรา ให้การว่ามัวแต่ดูแลผู้ตาย ซึ่งขณะนั้นถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ไม่ได้ดูว่าคนร้ายเป็นใคร จึงไม่ทราบว่าใครยิง ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บเขม่าดินปืนจากนายสุกัณฑ์และนางมัลทิราแล้ว และตำรวจได้ออกติดตามตัว ซึ่งถูกระบุว่าเป็นคนร้าย พบว่าหายตัวออกจากบ้านพร้อมกับปืน .38ซึ่งคาดว่าจะจับกุมตัวได้เร็ว ๆ นี้