KSL - ซื้อ

KSL - ซื้อ

มูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง

ประเด็นการลงทุน

เราเชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานของอุตสาหกรรมน้ำตาลโดยรวมยังคงเป็นไปในเชิงบวก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาวะขาดดุลน้ำตาลของโลกสำหรับปี 2559/60 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 3-4 ล้านตัน อัพไซด์ต่อราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะมาจากความเป็นไปได้ของการนำเข้าน้ำตาลของประเทศอินเดียในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 หลังจากที่ได้มีการปรับประมาณการผลผลิตน้ำตาลในประเทศอินเดียลงหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากผลผลิตที่ลดลงอย่างมากของประเทศอินเดีย เราคาดว่า KSL มีแนวโน้มรายงานกำไรไตรมาส 2/60 ที่จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปริมาณยอดส่งออกน้ำ ตาลที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบของราคาส่งออกใหม่ที่เห็นผลกระทบทางบวกเต็มไตรมาสในไตรมาส 2/60 เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากกำไรหลักปี 2560 ที่มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญและราคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่กลับมาดูน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง โดยอัตราส่วน PER ในแง่ของกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.2 เท่าและอัตราส่วน PER ในแง่ของกำไรหลักอยู่ที่ 16.7 เท่าสำหรับในปี 2560


สมาคมโรงงานน้ำตาลอินเดียปรับลดประมาณการผลผลิตน้ำตาล อินเดียสำหรับปี 2559/60 ลงจากเดิม …

เราเชื่อว่าการลดลงของราคาน้ำตาลหมายเลข 11 ในตลาดนิวยอร์กมาอยู่ในช่วง 18-18.4 เซนต์ต่อปอนด์ในช่วงวันที่ 7-17 มี.ค. 2560 (จาก 20-21 เซนต์ต่อปอนด์ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. 2560) เนื่องมาจากการขายสัญญาน้ำตาลล่วงหน้าระยะสั้นที่หมดอายุไปในเดือนมี.ค. เงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้น (ซึ่งเป็นผลจากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย) และเงินเรียลที่อ่อนค่า
ลง ซึ่งเราประเมินว่าเป็นเพียงแค่ผลกระทบระยะสั้น ในขณะที่ ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจน้ำตาลโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากผลผลิตของประเทศอินเดียและไทยที่ลดลงจากเดิม โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา สมาคมโรงงานน้ำตาลของประเทศอินเดียได้ทำการปรับลดประมาณการผลผลิตน้ำตาลของประเทศอินเดียสำหรับปี 2559/60 ลงมาอยู่ที่ 20.3 ล้านตัน (จากก่อนหน้าที่เคยคาด 21.3 ล้านตันในช่วงปลายเดือนม.ค.) ส่งผลให้เราคาดว่าอินเดียมีแนวโน้มที่จะนำเข้าน้ำตาลอีกประมาณ 1 ล้านตันหลังจากเสร็จสิ้นช่วงการเลือกตั้งใน
เดือนมี.ค.นี้

… และช่วงฤดูหีบอ้อยของไทยที่เสร็จสิ้นเร็วกว่าที่คาดก่อนหน้า

ฤดูหีบอ้อยของประเทศไทยสำหรับช่วงปี 2559/60 มีแนวโน้มที่จะจบลงเร็วกว่าที่คาด โดยปริมาณอ้อยที่เข้าหีบอยู่ที่เพียงแค่ 85 ล้านตันจนถึง ณ ปัจจุบัน ดังนั้นจึงมีการคาดการณ์ว่าปริมาณอ้อยที่เข้าหีบสำหรับฤดูกาลปี 2559/60 มีแนวโน้มจบลงที่ 90 ล้านตัน (ซึ่งถือว่าลดลง 5% จาก 94 ล้านตันสำหรับฤดูกาลปี 2558/59) และคาดว่าผลผลิตน้ำตาลสำหรับปี 2559/60 มีแนวโน้มอยู่ที่ 10 ล้านตัน (หรือทรงตัว YoY เนื่องจากผลผลิตต่อไร่ที่เพิ่มขึ้น) เราเชื่อว่าผลผลิตอ้อยของประเทศไทยที่ลดลงเป็นผลมาจากพื้นที่เพาะปลูกอ้อยโดยรวมที่ลดลง และฤดูหีบอ้อยที่ล่าช้าออกไปอีกหนึ่งเดือนโดยไปเริ่มช่วงปลายเดือนธ.ค. เนื่องจากฝนที่ยังคงตกในช่วงเดือนพ.ย.–ธ.ค.ที่ผ่านมา

ไตรมาส 2/60 สะท้อนราคาส่งออกใหม่ที่ 20-21 เซนต์ต่อปอนด์

บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด (อนท.) ได้ทำการล็อกสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับปี 2559/60 ไปแล้วคิดเป็น 85% กับลูกค้าที่ราคา 20-20.5 เซนต์ต่อปอนด์ (ซึ่งรวมค่าพรีเมี่ยม) จนถึง ณ ปัจจุบัน และทำการล็อกสัญญาไปแล้วน้อยกว่า 10% สำหรับปี 2560/61 ที่ราคา 20 เซนต์ต่อปอนด์ เราคาดว่า KSL มีแนวโน้มล็อกสัญญาล่วงหน้าไปแล้ว 80% สำหรับปี 2559/60 ที่ราคา 21 เซนต์ต่อปอนด์ (หรือคิดเป็น 1 เซนต์ต่อปอนด์สูงกว่าราคาของอนท. เราคาดราคาส่งออกสำหรับไตรมาส 2/60 ของ KSL มีแนวโน้มที่จะสะท้อนราคาใหม่ที่ทำการล็อกภายใต้สัญญาใหม่ แล้วสำหรับทั้งไตรมาส ในขณะที่ไตรมาส 1/60 ยังคงเป็นราคาเฉลี่ยระหว่างราคาภายใต้สัญญาเดิมที่ 15-16 เซนต์ต่อปอนด์และราคาใหม่ที่ 20-21 เซนต์ต่อปอนด์

คาดกำไรไตรมาส 2/60 เติบโตเลิศหรูอลังการ

เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ที่ 530 ล้านบาท เติบโต 196% YoY และ 17% QoQ และกำไรหลักไตรมาส 2/60 ที่ 380 ล้านบาท เติบโต 144% YoY และ 16% QoQ โดยมาจากปัจจัยบวก ได้แก่ ปริมาณยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น (ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากปริมาณยอดส่งออกที่เลื่อนมาจากไตรมาส 1/60) ราคาส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น (ซึ่งสะท้อนราคาส่งออกใหม่ที่เข้ามาเต็มไตรมาส) ราคาขายเอทานอลที่ปรับเพิ่มขึ้น (25 บาทต่อลิตรเทียบกับ 24.2 บาทต่อลิตรในไตรมาส 1/60) และมาร์จิ้นของธุรกิจน้ำตาลของประเทศลาวที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (จากปริมาณยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 26 เซนต์ต่อปอนด์) เราคาดว่าจะมีรายการพิเศษอื่นๆ บันทึกในไตรมาส 2/60 ซึ่งได้แก่ เงินคืนที่ได้รับจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลไทยและกองทุนอ้อยและน้ำตาลไทยอีกที่เหลือจำนวน 80 ล้านบาท รวมถึงการบันทึกกำไรจากธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงตราสารอนุพันธ์จำนวนหนึ่ง