“สหพัฒน์” จัดทัพ มุ่งสู่ยอดขาย 3.3 หมื่นล้านปีนี้

“สหพัฒน์” จัดทัพ มุ่งสู่ยอดขาย 3.3 หมื่นล้านปีนี้

สหพัฒน์ เดินหน้าผลักดันองค์กรให้เติบโตต่อเนื่องด้วยการจัดกระบวนทัพปรับกลยุทธ์ใหม่ ทะยานสู่ยอดขาย 33,000 ล้านบาทปีนี้

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่หลายองค์กรมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีถึง 81.3% ที่มีกำไร โดยมีกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมารวม 908,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.4% จากปี 2558 ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งก็มีการเติบโตอยู่ที่ 7-8% ส่วนผลการดำเนินงานของสหพัฒน์นั้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจโดยมียอดขาย 32,845 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 13.2%ซึ่งเกินความคาดหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 10%

“ยอดขายที่เติบโตเกินเป้าหมายเป็นผลมาจากการที่สหพัฒน์ได้ปรับรูปแบบการทำตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นทำตลาดในพื้นที่ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงแทนการทำตลาดแบบครอบคลุมทั่วประเทศ และมีการจัดโครงสร้างการบริหารการขายและการตลาดใหม่โดยใช้แนวคิด 3T+1 ได้แก่ Target (กำหนดเป้าหมาย) Timing (บริหารเวลา) Tracking (ติดตามผล) และ Teamwork (ทำงานเป็นทีม) นอกจากนี้ ยอดขายที่ดีเกินเป้าหมายยังเป็นผลมาจากความสำเร็จของการทำตลาดให้กับน้ำตาลมิตรผล ซึ่งปีที่ผ่านมา สหพัฒน์สามารถทำยอดขายให้น้ำตาลมิตรผลได้ถึง 3,667 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของน้ำตาลพิเศษ เช่น น้ำเชื่อม น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ สามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 50 %” นายบุญชัย กล่าว  

สำหรับในปี 2560 นายบุญชัยได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้ตั้งเป้าหมายยอดขายของสหพัฒน์ไว้ที่ 33,000 ล้านบาท  และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ท้าทายดังกล่าว จึงได้มีการพัฒนาภายในองค์กรด้วยการใช้กลยุทธ์ SIM (Strategic Marketing Planner – Initiator – Motivator) โดย Strategic Marketing Planner จะมีอยู่ในทุกแผนกเพื่อทำหน้าที่ค้นหายุทธศาสตร์ทางการตลาด พิจารณาว่าผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะต้องพัฒนาอย่างไรเพื่อให้ได้เป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วน Initiator เป็นวิธีที่จะกระตุ้นให้พนักงานทุกคนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และแต่ละแผนกจะมี Motivator เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดนโยบายของบริษัทที่จะก่อให้เกิดการริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่อยู่เสมอ

นายบุญชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ว่าสหพัฒน์จะมุ่งขยายช่องทางการจำหน่ายเข้าไปในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม เช่น ปากช่อง เขาใหญ่ พัทยา ภูเก็ต เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้มีการลงทุนกว่า 30 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีความปลอดภัยระดับมาตรฐานโลก รองรับการเติบโตทางด้านไอที

สำหรับไตรมาสแรกปีนี้ สหพัฒน์ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นทั้งจากในเครือและนอกเครือ ได้แก่ มาม่าคาโบนาร่า มาม่าข้าวต้มรสหมูสับกระเทียมพริกไทย มาม่ามัสมั่นไก่ โจ๊กมาม่าต้มยำกุ้ง บะหมี่ซื่อสัตย์โวเคโน่ชีส ลูกอมโมรินากะ ทิชชู่เปียกสำหรับเด็กกูนน์ และผลิตภัณฑ์กู๊ดเอจ ได้แก่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก โลชั่นบำรุงผิว

“นอกจากการพัฒนาในองค์กรแล้ว สหพัฒน์ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพป้อนสู่สังคมด้วยการตั้งสถาบันยุทธศาสตร์ธุรกิจเชิงบวก (iSAB) เพื่อเปิดรับผู้บริหารองค์กรภาครัฐ-เอกชน เจ้าของธุรกิจ หรือทายาทผู้ประกอบการ เข้าศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรนักบริหารยุทธศาสตร์เชิงบวก (The Master) ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของเมืองไทยที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพและพลังความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนด้วยกระบวนการคิดเชิงบวกควบคู่คุณธรรม โดยมีวิทยากรชั้นนำของประเทศและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการบริหาร มาร่วมกันถ่ายทอดความรู้ กลยุทธ์ รวมถึงหลักคิดเชิงบวกในการบริหารองค์กร ซึ่งการอบรมรุ่นที่ 1 นับว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการบริหารงานและดำเนินธุรกิจจริงในรุ่นที่ 1 รวม 84 คน ขณะนี้กำลังเปิดรับนักศึกษารุ่นที่ 2 ผู้สนใจดูรายละเอียดได้ที่ www.isabthailand.com หรือแฟนเพจ isabthailand” นายบุญชัย กล่าว