ลองขับ นิสสัน "โน๊ต" อีโค คาร์ ตอบโจทย์รถใช้งาน

ลองขับ นิสสัน "โน๊ต" อีโค คาร์ ตอบโจทย์รถใช้งาน

ห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย ช่วงล่างนิ่ง ทั้งทางตรงทางโค้ง

     นิสสัน เป็นค่ายแรกที่เข้าสู่ตลาด อีโค คาร์ โดยเปิดตัว “มาร์ช” เมื่อปี 2553 ถัดมา 1 ปี ตามด้วย “อัลเมร่า” 

    ทั้ง 2 รุ่น ม่ีตลาดต่างกัน มาร์ช เป็นรถแฮทช์แบ็ค ส่วนอัลเมร่าที่ขายดิบขายดี เจาะตลาดเก๋ง ซีดาน 4 ประตู

     ต้นปีนี้ นิสสัน เสริมตลาดอีก 1 รุ่น คือ “โน๊ต” ซึ่งมีตลาดที่ต่างออกไปจาก 2 ตัวแรก เป็นแฮทช์แบ็คที่ขนาดตัวถังใหญ่ขึ้น และนิสสันเองก็บอกว่าเมื่อเทียบกับอีโค คาร์ รวมถึงบี คาร์ แฮทช์แบ็คด้วยกัน โน๊ต นั้นเด่นกว่าในเรื่องของห้องโดยสาร โดยเฉพาะการออกแบบพื้นที่สำหรับเบาะหลังที่มีระยะห่างจากเบาะหน้ามากที่สุด ซึ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ผมมีโอกาสอยู่กับโน๊ตเกือบๆ 1 วัน ก็เห็นด้วยว่า เรื่องของห้องโดยสารจะเป็นจุดเด่นหนึ่งในการเข้าถึงลูกค้า

     ถือว่าเป็นอีโค คาร์ ที่นั่งได้สบายๆ นั่ง 4 คนเหลือๆ จะนั่ง 5 คน ก็ได้ แต่ยังไม่ได้ลองว่าเบียดกันมากน้อยแค่ไหน ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระประเมินด้วยตาถือว่ามีพื้นที่พอควรเพียงพอสำหรับการใส่สัมภาระไปพักผ่อนท่องเที่ยงของครอบครัวย่อมๆได้ แต่ถ้าอยากใช้งานบรรทุกของมากๆ ก็พับเบาะแถว 2 ได้จะเพิ่มพื้นที่ได้อีกโขเลยทีเดียว

     และยังออกแบบปรับเป็น 2 ชั้นได้ เพื่อวางของได้สะดวกขึ้น เช่น ชั้นล่างวางรองเท้า ชั้นบนก็วางสัมภาระอื่นๆไป ช่วยเพิ่มพื้นที่บรรทุกมากขึ้น 

เบาะตำแหน่งคนขับกระชับ นั่งทางไกลดี และช่วยในการควบคุมรถได้ดี เบาะหลังองศาพนักพิงอยู่ในระดับที่ดี นั่งทำงานได้ หรือนั่งพักผ่อนก็ได้เช่นกัน

     วัสดุภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกเกรดกลางๆ รูปโฉมคอนโซลหน้า คันเกียร์ อาจจะคุ้นกับมาร์ช แต่ก็เติมอารมณ์สปอร์ตเข้าที่พวงมาลัยแบบ D-Shape เบาะนั่งสีทูโทน สวยงามใช้ได้ 

     ด้านการตกแต่งภายใน คุมโทนด้วยสีดำซึ่งให้อารมณ์สปอร์ต ก่อนจะเติมความหรูหราผ่านวัสดุตกแต่งสีเงิน เช่น หัวเกียร์ ฐานเกียร์ คอนโซลกลางสีเปียโน แบล็ค

     เครื่่องยนต์เบนซิน 1,198 ซีซี 3 สูบ แถวเรียง DOHC 12 วาล์ว CVT ให้กำลังได้สูงสุดถึง 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที เกียร์ซีวีที กับน้ำหนักรถตัวท็อป 1,061 กก. และผู้โดยสารในรถ 4 คน ก็ถือว่าใช้งานได้เพียงพอ ซึ่งจริงๆ แล้วอีโค คาร์ เป้าหมายผลิตมาเพื่อรองรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในบ้านเรา อีโค คาร์ ก็ใช้งานไม่แตกต่างจากรถกลุ่มอื่น คือ ทั้งใช้งานในเมือง นอกเมือง ออกต่างจังหวัด เดินทางท่องเที่ยว 

     ซึ่งผมว่าการเดินทางต่างจังหวัดก็ใช้ได้อยู่ครับ ผมลองขับจากกรุงเทพ มุ่งหน้าอัมพว่า ผ่านถนนพระราม 2 ซอกแซกแซงรถได้ตั้งหลายคัน เพราะมีพวกขับช้าแช่ขวาอยู่จำนวนมาก ซึ่่่งก็ต้องบอกว่าอัตราเร่ง สำหรับการเป็นอีโคคาร์ใช้ได้ มีจังหวะดีๆ ก็เร่งแซงได้ไม่ยากเย็น

     เมื่อมีพื้นที่ว่างอยู่บ้างก็ลองกดคันเร่งดู และไปถึง 150 กม./ชม.ได้ครับ 

     จุดเด่นอีกสิ่งคือช่วงล่างซึ่งด้านหน้าเป็นแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง ทอร์ชัน บีม พร้อมเหล็ํกกันโคลง ที่มีการทรงตัวที่นิ่งที่ความเร็วสูง กาารเปลี่ยนช่องทางไปมาก็ทำได้ดี รวมถึงเมื่อขับขี่ในเส้นทางเล็กๆ ลัดเลาะไปมาในพื้นที่เรือกสวนของอัมพวา ก็ทำได้น่าพอใจ จัดการกับเส้นทางคดโค้งได้ดี 

     โน๊ต ให้อารมณ์การขับขี่ที่หนักแน่น ควบคุมรถได้ง่าย เรียกว่ารองรับการใส่เครื่องยนต์ที่แรงกว่านี้ได้สบายๆ

     ***********

     เทคโนโลยี-ออพชั่น โดดเด่น

     โน๊ต มี 2 รุ่นย่อย ราคา 5.69 แสนบาท และ 6.4 แสนบาท แต่สิ่งที่นิสสันจะต้องคุยกับลูกค้าให้รู้เรื่องก็คือ ต้องทำให้เห็นว่า ราคาระดับนี้กับเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามานั้น ถือว่าให้มาเยอะทีเดียว หลายอย่างก็เป็นการติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถอีโค คาร์ เช่น ระบบเตือนการออกนอกเส้นทาง หรือว่าระบบกล้องรอบทิศทาง 360 องศา (Intelligent Around View Monitor :AVM) พร้อมระบบส่งสัญญาณเตือนการตรวจจับทั้งคนและวัตถุ

     โน๊ตยังมีกล้องมองหลังเมื่อถอยด้วย โดยที่ภาพที่ได้จากทั้งกล้องมองหลังหรือกล้องรอบทิศทาง จะแสดงที่กระจกมองหลัง ซึ่งผมว่าก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะผู้ขับสามารถมองภาพจากกล้อง และภาพที่สะท้อนจากกระจกในพื้นที่เดียวกัน ไม่ต้องก้มๆ เงยๆ 

     นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบเตือนก่อนกการชนด้านหน้า (FCW) ด้วยสัญญาณเสียง และสัญลักษณ์ที่หน้าปัด และมีดาบสองคือระบบบชะลอความเร็วอัตโนมัติ

     ระบบปรับอากาศอัตโนมัติใช้ได้เลยครับ สู้กับอากาศร้อนเดือนมี.ค.ได้สบายๆ 

     ส่วนระบบความบันเทิง มีระบบเชื่อมต่อแอพพลิเคชันผ่านสาย HDMI และมีช่องเชื่อมต่อยูเอสบีให้ 2 ตำแหน่ง ที่ช่องเก็บของด้านหน้าและด้านหลังกล่องเก็บของย่อมๆ สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 

     ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ ปรับสูง-ต่ำได้ไฟตัดหมอกคู่หน้าไฟท้าย LED แบบ Signature รูปทรงบูมเมอแรง พร้อมไฟเบรก LED ขณะที่เส้นสายด้านช้างลงตัว มือจับประตู กระจกข้างสีเดียวกับตัวรถ สามารถพับและปรับด้วยไฟฟ้า ไฟเลี้ยวบนฝาครอบกระจกมองข้างสไตล์ปีกนก

     มาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงมัลติ อินโฟเมชัน ดิสเพลย์ (MID)ช่วยให้อ่านข้อมูลการขับขี่ต่างๆได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ไม่ต้องละสายตาจากถนนนานเกินไป