'วัฒนา'ชี้เก็บภาษี'ทักษิณ' ต้องแก้กม.เท่านั้น

'วัฒนา'ชี้เก็บภาษี'ทักษิณ' ต้องแก้กม.เท่านั้น

"วัฒนา" ถาม "อภินิหารหรืออภิมหาอันธพาล" หลังรัฐจี้เก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ป ชี้ขายในตลาดหุ้นจึงได้รับยกเว้น ลั่นต้องแก้กฎหมายเท่านั้น

นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "อภินิหารหรืออภิมหาอันธพาล" หลังรัฐบาลสั่งให้กรมสรรพากรใช้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากรประเมินเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่าหุ้นชินคอร์ป จำนวน 329.2 ล้านหุ้น ที่นายพานทองแท้ ชินวัตร และน.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวนายทักษิณขายให้กับกองทุนเทมาเส็กในตลาดหลักทรัพย์ในราคาหุ้นละ 49.25 บาทนั้นเป็นของนายทักษิณทั้งหมด แต่การจะใช้มาตรา 61 ประเมินเรียกเก็บภาษีจากผู้มีชื่อในหนังสือสำคัญ กรณีนี้คือใบหุ้นที่อยู่ในชื่อของนายพานทองแท้และน.ส.พินทองทา ที่ศาลฎีกาเห็นว่าถือไว้แทนนายทักษิณ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าทรัพย์สินดังกล่าวก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน แต่ธุรกรรมเกี่ยวกับหุ้นชินคอร์ปไม่เคยก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน กล่าวคือครั้งแรกแอมเพิลริชได้ขายหุ้นดังกล่าวให้กับนายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาในราคาหุ้นละ 1 บาท ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการขายต่ำกว่าราคาตลาดจึงสามารถเรียกเก็บภาษีได้ซึ่งคลาดเคลื่อน เพราะหากจะถือว่าหุ้นเป็นสินค้าหรือบริการซึ่งกรมสรรพากรอาจใช้มาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากรประเมินภาษีได้นั้น จะต้องประเมินและเรียกเก็บจากผู้ขาย

ทั้งนี้ นายพานทองแท้และน.ส.พินทองทา ที่เป็นผู้ซื้อไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ต่อมาหุ้นดังกล่าวถูกขายให้กับกองทุนเทมาเส็ก แต่เป็นการขายในตลาดหลักทรัพย์จึงได้รับยกเว้นภาษีอีกเช่นกัน ดังนั้นธุรกรรมทั้งสองครั้งไม่ว่านายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาจะกระทำฐานะส่วนตัวหรือในฐานะตัวแทนของนายทักษิณก็ไม่ต่างกัน เพราะไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีทั้ง 2 ธุรกรรม หากพิจารณาเรื่องนี้ตามกฎหมายบนหลักนิติธรรม ไม่ว่าจะใช้อภินิหารขนาดไหนก็ไม่อาจใช้มาตรา 61 มาประเมินภาษีได้เพราะไม่มีภาระภาษีเกิดขึ้น เนื่องจากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปทั้ง 2 ครั้งไม่ก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน วิธีเดียวที่จะทำได้ใช้อำนาจคือแก้ไขกฎหมายเพื่อเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ แต่ไม่ใช่อภินิหารของกฎหมายและไม่จำเป็นต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนถึงเมืองนอกเพราะสำนักทรงเจ้าเข้าทรงก็สอนได้