'สุวรรณภูมิ'อันดับร่วง สนามบินดีสุดโลก

'สุวรรณภูมิ'อันดับร่วง สนามบินดีสุดโลก

"สุวรรณภูมิ" ติดอันดับ 38 จากการจัดอันดับท่าอากาศยานดีสุดของโลก ร่วง 2 อันดับ จากอันดับ 36 เมื่อปีที่แล้ว ขณะชางงีของสิงคโปร์ ครองแชมป์เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

สกายแทร็กซ์ บริษัทที่ปรึกษาด้านการบินของอังกฤษ เผยการจัดอันดับ “ท่าอากาศยานดีที่สุดของโลก” ประจำปี 2560 พบว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทยตกลงมา 2 อันดับจากลำดับ 36 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 38 ในปีนี้ ขณะที่อันดับ 1 ยังคงเป็นท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์ ที่อยู่ในตำแหน่งนี้มา 5 ปีติดต่อกัน

สนามบินชางงี ยังได้รับเลือกให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในเอเชีย และเป็นสนามบินที่มีสันทนาการดีที่สุดในโลกด้วย

ส่วนอันดับ 2 และ 3 ตกเป็นของท่าอากาศยานฮาเนดะ ในกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น และท่าอากาศยานอินชอน ของเกาหลีใต้ โดยมีสนามบินมิวนิก ของเยอรมนี และสนามบินฮ่องกง ตามมาในอันดับ 4 และ 5

การจัดอันดับครั้งนี้จัดขึ้นโดยการสำรวจความเห็นจากจากนักเดินทาง 13.82 ล้านคน จาก 105 ประเทศทั่วโลก และมีสนามบินที่อยู่ร่วมในการสำรวจจำนวน 550 แห่ง โดยเป็นการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสนามบิน จากหัวข้อหลักๆ จำนวนหนึ่ง ในด้านการบริการ และผลิตภัณฑ์ของสนามบิน

ทอท.แจงเหตุสนามบินแออัด

นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า การปรับลดอันดับน่าจะมีสาเหตุจากความหนาแน่นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปี 2559 อยู่ที่ 59 ล้านคนและปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 60 ล้านคน แต่ท่าอากาศยานมีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพียง 45 ล้านคนต่อปี

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงอยู่ระหว่างลงทุนเฟส 2 มูลค่า62,500 ล้านบาท เพื่อขยายความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2562-2563 แต่ระหว่างจะมีมาตรการต่างๆ เพื่อลดความแออัดและเพิ่มความพึงพอใจให้ผู้โดยสาร พร้อมเชื่อว่าถ้าดำเนินมาตรการต่างๆ เสร็จสิ้นจะทำให้การจัดอันดับของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดีขึ้น

สางปัญหาเชื่อมต่อไวไฟ

อันดับแรกจะแก้ปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อสัญญาไวไฟในท่าอากาศยาน เพราะการสำรวจพบว่าผู้โดยสารให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับแรกถึง 22.9%โดยที่ผ่านมาการเชื่อมต่อไวไฟยุ่งยากและต้องกรอกข้อมูลถึง 7-8 ขั้น แต่วันที่ 1 เม.ย. นี้เป็นต้นไป จะลดเหลือ 2-3 ขั้นตอน ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นจริงๆ และกฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น

นอกจากนี้จะปรับปรุงการบริหารที่จอดรถใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้โดยสารชาวไทย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะขอให้พนักงาน ทอท. ย้ายที่จอดรถไปยังบริเวณที่จัดไว้ ได้แก่

1. พื้นที่จอดรถใต้ทางยกระดับจำนวน 200 คัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนนี้ 2. พื้นที่จอดรถหลังสำนักงาน ทอท. ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. และจอดรถได้กว่า 700 คัน และ 3. พื้นที่จอดรถระหว่างโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิและวิทยุการบิน ซึ่งเดิมจอดรถได้ 150 คัน แต่จะเปิดประมูลให้เอกชนก่อสร้างอาคารจอดรถขนาด 1,000-2,000 คัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 ปีนับจากนี้

ขณะเดียวกัน ทอท. จะติดตั้งเครื่องเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common-use self-service: CUSS) เพิ่ม 8 เครื่อง จากที่มีอยู่แล้ว 16 เครื่อง เพื่อลดความแออัดในขั้นตอนการเช็คอิน นอกจากนี้สายการบินอื่นๆ ยังสนใจจะติดตั้งเครื่องเช็คอินเพิ่มเติม เช่น สายการบินไทย สายการบินสัญชาติไต้หวัน ส่วนสายการบินอื่นๆ หารือเรื่องการลงทุนติดตั้งเครื่องเช็คอินด้วยกันและคิดค่าบริการตามสัดส่วนการใช้

“ปกติสายการบินต่างๆ ต้องจ่ายค่าเช็คอินที่เคาน์เตอร์ให้ ทอท. 30 บาทต่อหัว แต่ถ้าเขาลงทุนติดตั้งเครื่องเช็คอิน เราจะลดค่าทำเนียมให้ 10 กว่าบาทต่อหัวเพื่อจูงใจ” นายศิโรตม์กล่าว

เล็งเสนอบอร์ดเพิ่มลูกค้าชั่วคราว

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังเตรียมเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ให้พิจารณาเพิ่มลูกจ้างชั่วคราวด้านความปลอดภัยอีก 50-60 คน เพื่ออำนวยความสะดวกในขั้นตอนการตรวจค้นอาวุธและสิ่งต้องห้าม

พร้อมอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงเพื่อให้ผู้โดยสารแต่ละประเทศสามารถใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติในท่าอากาศยานของประเทศอื่นได้ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการหารือของ ตม. เป็นหลักและถ้าได้ข้อสรุป ทอท. ก็ต้องลงทุนปรับปรุงข้อมูลในเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติต่อไป

“ทุกวันนี้ผู้โดยสารคนไทย 60%จะใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ แต่เราจะส่งเสริมให้ใช้เพิ่มขึ้นอีก ส่วนผู้โดยสารสิงคโปร์และฮ่องกงจะมีสัดส่วนรวมกัน 5-6%หรือคิดเป็น 3 ล้านคนของผู้โดยสารทั้งหมด 60 ล้านคน ซึ่งถ้าเปลี่ยนมาใช้เครื่องอัตโนมัติก็จะลดความแออัดลงไปได้อีก” นายศิโรตม์กล่าว

เร่งปรับปรุงขนส่งสาธารณะ

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังจะปรับปรุงเรื่องขนส่งสาธารณะต่างๆ โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างพิจารณาจัดพื้นที่จอดรถเพื่อนำแกร็บแท็กซี่มาบริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะเชื่อว่าจะเพิ่มความพึงพอใจให้ผู้โดยสาร

ทั้งนี้ปัจจุบันผู้โดยสารขาเข้ารวม 20%ใช้บริการรถแท็กซี่สุวรรณภูมิและบางส่วนก็พบปัญหาต่างๆ เช่น ไม่กดมิเตอร์ ดังนั้นจึงมีแนวคิดจะนำแกร็บแท็กซี่มาเป็นทางเลือกให้ผู้โดยสาร แต่ยอมรับว่าประเด็นนี้อาจทำให้แท็กซี่สุวรรณภูมิไม่พอใจ จึงอาจให้รถแกร็บแท็กซี่ไปจอดที่ศูนย์ขนส่งมวชนซึ่งห่างออกไป 1 กิโลเมตร

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังสั่งการให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินำรถโดยสาร (รถเมล์) มาให้บริการในท่าอากาศยานเพื่อเชื่อมกับจุดสำคัญในกรุงเทพฯ เพราะรถเมล์สายA ซึ่งเคยให้บริการระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-บีทีเอสอ่อนนุช ขาดทุนและต้องปิดกิจการไป