บอร์ด 'แสนสิริ' ทุ่มซื้อหุ้น

บอร์ด 'แสนสิริ' ทุ่มซื้อหุ้น

บอร์ดแสนสิริ "ทุ่มซื้อหุ้น" ก่อนรับสิทธิ์เงินปันผล

จากการสำรวจข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในส่วนการถือครองหลักทรัพย์ของผู้บริหาร ซึ่งผู้บริหารของ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) SIRI ได้รายงานซื้อหุ้นในช่วง ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.2560 พบว่าผู้บริหารที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าว พร้อมใจกันซื้อหุ้นต่อเนื่อง ราคาหุ้นที่ทำรายการตั้งแต่ 1.94-2.04 บาทต่อหุ้น โดยมีการรายการรวม 149.60 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 298.04 ล้านบาท

สำหรับคณะกรรมการ บริษัทแสนสิริ ที่มีการทำรายการประกอบด้วย อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการและรองประธานกรรมการ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ และวันจักร์ บุรณศิริ กรรมการซึ่งแต่ละคนมีการทำรายการ ได้แก่ อภิชาติ จูตระกูล ทำรายการระหว่างวันที่ 2-10 มี.ค.2560 มีรายการเกิดขึ้น 5 ครั้ง จำนวน 44 ล้านหุ้น มูลค่าเงินลงทุนครั้งนี้ราว 88.35 ล้านบาท

เศรษฐา ทวีสิน ทำรายการระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-10 มี.ค. รายการเกิดขึ้น 7 ครั้ง จำนวน 80.67 ล้านหุ้น มูลค่าเงินลงทุน 160.19 ล้านบาท และ วันจักร์ บุรณศิริ ทำรายการ 4 ครั้ง จำนวน 25 ล้านหุ้นมูลค่าเงินลงทุน 49.50 ล้านบาท

ทั้งนี้หากพิจารณาจากข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์พบว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดเมื่อวันที่ 27 ..2560 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลวันที่ 14 มี.ค.2560 ซึ่งวันที่ไม่ได้รับสิทธิคือวันที่ 10 มี..2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พ.ค.2560 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559

อย่างไรก็ตาม เมื่อนำอัตราเงินปันผลที่จ่ายอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้นแต่ละคนจะได้รับเงินปันผลในรอบนี้โดย อภิชาติ จูตระกูล รับเงินปันผล 3.5 ล้านบาท เศรษฐา ทวีสิน รับเงินปันผล 6.45 ล้านบาท และวันจักร์ บุรณศิริ 2 ล้านบาท

ขณะที่การเคลื่อนไหวราคาหุ้นในช่วงเดือนมี.ค. พบว่า ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก และแกว่งตัวในระหว่างราคา 1.90-2.06 บาทต่อหุ้น

สำหรับคำแนะนำในเชิงพื้นฐาน พบว่า นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ จะยังคงแนะนำให้ถือลงทุน และราคามูลค่าตามพื้นฐาน ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาหุ้นที่ซื้อขายกันในกระดานหลักตอนนี้ 

ด้านบล.ทิสโก้ ประเมินว่า การจ่ายอัตราเงินปันผลเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่มองว่าการเติบโตมีจำกัด แม้ว่า ซีอีโอ ตั้งเป้าการเติบโต 20% สำหรับปี 2560 เป็น 3.6 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ทำยอดจองในปี 2559 ได้ 3.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน โดยยอดจองของคอนโดคิดเป็นสัดส่วน 50% โดยเฉลี่ยต่ำกว่าเป้าที่ 3.3 หมื่นล้านบาทเล็กน้อย โดยในปีนี้โครงการจะเน้นไปที่บ้านเดี่ยวแบบ High-End และประกาศ ตั้ง JV สำหรับการลงทุนอื่นๆ ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลรวมทั้งปี 0.12 บาท (อัตราการจ่าย 60%) คิดเป็นผลตอบแทน 6% สำหรับปี 2559 (เงินปันผลงวดล่าสุด 0.08 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD 10 มี.ค.) จึงแนะนำให้ถือลงทุน

สำหรับปี 2560 ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น 3.5% หนุนโดยงานในมือเดิมที่รองรับรายได้ 48% และ 10% ในปี 2561 ซึ่งปรับประมาณการของปีนี้และปีหน้าขึ้น 2% และ 4.5% จากรายได้ของโครงการ JV ที่เพิ่มขึ้นขณะที่มีความเสี่ยงในเชิงลบคือ 1. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูง 2. การยกเลิกการจอง และมีความเสี่ยงในเชิงบวกคือ 1. แนวโน้มยอดจองที่เพิ่มขึ้น 2. อัตราการ Take up ของโครงการประเภท High End ที่เพิ่มขึ้น