MORNING CALL ACTION NOTES (15 มี.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (15 มี.ค.60)

ติดตามผล FED

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ดีดตัวขึ้นตามสัญญาณเทคนิคหลังไม่หลุดแนวรับ 1,530 จุด ประกอบกับ sentiment เชิงบวกในกลุ่ม FIN หลังผบร. GL แถลงข่าวข้อสงสัยในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม FIN PETRO ENERGY ผลักดันให้ SET ปิดที่ 1,543.15 จุด (+7.64 จุด) Vol. 4.9 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -1,982 ลบ. , TFEX Net -408 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันที่ร่วงลง อีกทั้งนลท.ชะลอการซื้อขายเพื่อรอผลการประชุม FED แม้ว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. +0.3% MoM ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

- ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงล่าสุด 48.3 US/Barrel เนื่องจากสมาชิกโอเปกหลายรายยังไม่ได้ลดกำลังการผลิตที่ได้สัญญาไว้ รวมถึงความกังวลอุปทานน้ำมันในตลาดโลกและสต็อกน้ำมันสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น

- Fund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell แต่ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.ราว 1.2 หมื่นลบ. รวมถึงเงินบาทอ่อนค่าล่าสุด 35.3 Bath/USD.

+ STEC CK เซ็นรับงานมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช "STEC" คว้าอีก 3 ตอน มูลค่ารวม 4.31 พันลบ. CK ได้รับอีก 1 ตอน วงเงิน 1.98 พันลบ.

** 14 – 15 มี.ค. การประชุม FED คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.75 – 1%

** OPP DAY 15 มี.ค. BA BIZ THANA TSR LOXLEY SVI S 16 มี.ค. COL AMA TRT PTL AIT TRU CENTEL

การดีดตัวขึ้นของดัชนีวานนี้เรามองเป็น Technical rebound เท่านั้น เนื่องจาก Fund Flow ต่างชาติยังคงไหลออกตามคาดการณ์ FED จะขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้งราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นแรงกดดันต่อภาพรวมตลาด อย่างไรก็ตาม Downside ในการปรับตัวลงจะจำกัดมากขึ้นเนื่องจาก SET มีValuation ที่น่าสนใจโดย P/E ที่ 17 เท่า และ Div 3% ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,535 – 1,550 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ช่วงอ่อนตัว

- TTA PSL ค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 2 เดือน ล่าสุด 1,112 จุด

- TASCO ราคายางมะตอย +8%MoM และต้นทุนราคาน้ำมันอ่อนตัวลง

- กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวลง เช่น กลุ่มสายการบิน EPG

- กลุ่มส่งออก (อาหาร อิเล็กทรอนิกส์) อานิสงส์เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง

- กลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น SCB KTB KBANK

17 มี.ค. หุ้นเข้าใหม่ FTSE small cap TKN TFG BEAUTY TLGF ส่วน BJC IVL ปรับจาก Mid สู่ Large Cap


หุ้นแนะนำพิเศษ

PTTGC    ราคาปิด 74.00 บาท    ราคาเหมาะสม 77 บาท

- คาดกำไรปี 2017 อยู่ที่ 2.68 หมื่นล้านบาท + 5%YoY(มีแนวโน้มปรับประมาณการเพิ่ม) โดยได้รับผลบวกจากธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปรับตัวขึ้นทั้ง PXและ BZ ที่ปรับตัวขึ้น 31% และ 31%YTD ตามลำดับ(PTTGC เป็นผู้ผลิตใหญ่สุดในกลุ่ม PTT) และธุรกิจโอเลฟินส์ที่ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE LDPE และ LLDPE ปรับตัวตัวขึ้น 5% 10% และ 3% YTD ตามลำดับเนื่องจากน้ำมันดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำราคาทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับปี 2016 แม้ว่าธุรกิจโรงกลั่นจะอ่อนตัวลงจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวลง

- มี Upside จากการซื้อบริษัทจาก PTT คาดใช้เงินราว 2.6 หมื่นล้านบาทซื้อบริษัทสายพลาสติกจาก PTT 6 บริษัท (จะเริ่มรับโอนบริษัทช่วง ต.ค.60) ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรได้ราวปีละ 2.4 พันล้านบาท(ยังไม่ได้รวมในประมาณการ) พร้อมกันนี้เตรียมนำบริษัท GGC เข้าจดทะเบียนในตลาดปีนี้

หุ้นมีข่าว

- BAY-BTMU (ราคาปิด 39.00 Bloomberg Consensus 39.52) ร่วมปล่อยกู้ SCCC วงเงิน 1.1 พันล้านดอลล์ใช้ซื้อกิจการในศรีลังกาและเวียดนาม

  ความเห็น ตั้งแต่ปี 59 พอร์ตสินเชื่อของ BAY มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างมาสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจมากขึ้นทำให้สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยมีสัดส่วนลดลง เห็นได้จากในปี 57 มีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อย 22% สินเชื่อธุรกิจ 29% เป็นสินเชื่อรายย่อย 15% สินเชื่อธุรกิจ 41% ณ ปลายปี 59 ถือเป็นทิศทางที่ดีในภาวะที่ภาระหนี้ครัวเรือนสูงและสินเชื่อรายย่อยมีโอกาสเป็น NPL มากขึ้น

- HMPRO (ราคาปิด 9.60 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 12.60 บาท) ในงวดไตรมาส 1/60 บริษัทจะมีการจัดงาน HomePro EXPO ครั้งที่ 25 ระหว่าง17-26 มีนาคม 2560

  ความเห็น การจัดงานดังกล่าวคาดจะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสแรกแต่คาดแนวโน้มจะลดลงจากไตรมาสที่แล้วที่มีกำไร 1.3 พันล้านบาททำสถิติสูงสุดรายไตรมาสสำหรับปี โดยอาจทำได้ใกล้เคียงกับ 1Q59 ที่มีกำไร 866 ล้านบาท ฝ่ายวิจัยคงประมาณกำไรปี 60 ราว 4.4 พันล้านบาท +5%

- FORTH (ราคาปิด 7.05 Bloomberg Consensus 9.30) ได้งานจ้างเหมาตรวจซ่อมและบำรุงรักษาโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง กฟภ. และปรับปรุงและเพิ่มเติมกล้อง CCTV มูลค่ารวม 481.38 ลบ.

- BTS (ราคาปิด 8.25 Bloomberg Consensus 10.14) เข้าร่วมทุนต่างชาติ-ไทยตั้งโรงเรียนนานาชาติใกล้โครงการธนาซิตี้บางนา

- LOXLEY (ราคาปิด 3.14 Bloomberg Consensus 3.75) เร่งเครื่องธุรกิจเต็มผู้บริหารลั่นผนึกพันธมิตรเมียนมา ฮุบโครงการติดตั้งไฟเบอร์ออพติกทั่วประเทศเมียนมา กว่า 75 ล้านดอลลาร์ แถมศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลในเมียนมาอีก 10 เมกะวัตต์ คาดเห็นความชัดเจนภายในปี 2560 นี้ พร้อมเดินหน้าลุยประมูลงานภาครัฐกว่า 1.15 หมื่นล้านบาท ส่วนทั้งปี 2560 ตั้งเป้ารายได้โต 15-20%(ที่มาทันหุ้น)

- ALT ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่คาดโต 10% เน้นงานโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมให้เช่าเพื่อเป็นแหล่งรายได้ประจำ บริษัทอยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรเพื่อขยายงานโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสงให้เช่าบนแนวเสาโทรเลขตามทางรถไฟทั่วประเทศให้ขยายออกไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV (อินโฟเควสท์)

- CNT อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร 2-3 รายเข้าร่วมประมูลรถไฟทางคู่ มั่นใจได้ความชัดเจนก่อนเปิดประมูล

- EMC จะเพิ่มทุนใหม่ 2.53 พันล้านหุ้น รองรับขยายธุรกิจ-รักษาสภาพคล่องของทุนหมุนเวียน

- CHO คาดรายได้ปีนี้โต 10% คว้าออเดอร์ออกแบบ-ผลิตโครงรถบัสมูลค่า 114 ลบ. หนุน Backlog แตะ 686.01 ลบ.

- GL เตรียมเสนอบอร์ด 17 มี.ค. พิจารณาแนวทางซื้อหุ้นคืน หลังราคาร่วงหนัก


ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -44.11 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,837.37 จุด ลดลง 44.11 จุด หรือ -0.21% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,856.82 จุด ลดลง 18.96 จุด หรือ -0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,365.45 จุด ลดลง 8.02 จุด หรือ -0.34% โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มสายการบิน หลังจากสายการบินต่างๆได้ยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุหิมะ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า สมาชิกของกลุ่มโอเปกหลายรายยังคงผลิตน้ำมันเกินกว่าโควตาที่กำหนด นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.68 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 47.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยรายงานว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกปรับตัวลดลงในเดือน แต่สมาชิกโอเปกหลายรายยังไม่ได้ลดกำลังการผลิตในระดับที่ได้สัญญาไว้