‘ไทยพีบีเอส’แจงซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟลงทุนปกติ

‘ไทยพีบีเอส’แจงซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟลงทุนปกติ

ผอ.ไทยพีบีเอส ชี้แจงซื้อหุ้นกู้ “ซีพีเอฟ”ลงทุนปกติ ตามมาตรา 11 (7) ชี้ผลตอบแทนสูงสุด 3% ย้ำไม่กระทบการเสนอข่าว พร้อมถูกตรวจสอบ

นายกฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)  หรือไทยพีบีเอส  เปิดเผยว่าเดือนม.ค.ที่ผ่านมาได้นำเงินทุนหมุนไปลงทุนซื้อหุ้นกู้ ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จากธนาคารที่ทำหน้าที่จัดจำหน่ายมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นการลงทุนหุ้นกู้ลักษณะการซื้อตราสารหนี้ โดยได้ดอกเบี้ยอัตรา 3% ต่อปี ที่ไม่มีความเสี่ยง โดยไม่ได้เป็นการลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแต่อย่างใด  

การลงทุนซื้อหุ้นกู้ ซีพีเอฟ ดังกล่าว เป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนปกติ ของ ส.ส.ท. ตาม พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 ตาม มาตรา 11 เรื่องทุน ทรัพย์สินและรายได้ขององค์กร  (7)ดอกผลที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินขององค์กร

ตามพ.ร.บ.ไทยพีบีเอส ได้รับเงินสนับสนุนจากภาษีสุราและยาสูบอัตรา 1.5% สูงสุดไม่เกินปีละ 2,000 ล้านบาท  ซึ่งจะได้รับการจัดสรรตลอดปี แต่ช่วงต้นปีจะได้รับเงินจัดสรรก้อนใหญ่กว่าทุกช่วง  คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่ต้องบริหารเงินทุนหมุนเวียนในแต่ละปีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแนะนำการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงสุดภายใต้ พ.ร.บ. กำหนดให้สามารถดำเนินการได้

รูปแบบการลงทุนที่ผ่านมา เพื่อบริหารเงินและสินทรัพย์องค์กร ตามมาตรา 11 (7)  ใช้วิธีทั้งการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว เช่น การฝากเงินกับธนาคารทั้งรัฐและเอกชน ,การลงทุนตราสารหนี้ ทั้งภาคเอกชน พันธบัตรภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ เพื่อกระจายความเสี่ยงและบริหารเงินทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การซื้อหุ้นกู้ ซีพีเอฟ ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์แล้วว่า เป็นหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+  สูงที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นกู้บริษัทเอกชนและพันธบัตรขณะนั้นซึ่งอยู่ที่ราว 2% รวมทั้งสูงกว่าเงินฝากธนาคารระยะสั้นและระยะ 12 เดือน   ซึ่งในแต่ละปีไทยพีบีเอส มีผลตอบแทนจากการบริหารเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนต่างๆประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี

“การซื้อหุ้นกู้ ซีพีเอฟ เป็นการลงทุนปกติ ตามที่ พ.ร.บ. กำหนดให้ดำเนินการได้ และการซื้อหุ้นกู้ ได้ผลตอบแทนตามหนังสือชี้ชวนและสามารถขายได้ ต่างจากการลงทุนซื้อหุ้นในตลาดฯ ที่มีความเสี่ยงและไทยพีบีเอส ไม่มีนโยบายลงทุนในตลาดฯ”  

นายกฤษดา กล่าวอีกว่าการซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟ ไม่มีผลต่อการนำเสนอข่าวของกลุ่มซีพี  ซึ่งไทยพีบีเอสพร้อมให้ทุกองค์กรและประชาชน ตรวจสอบการนำเสนอข่าวเครือซีพีหลังจากนี้  ที่ยังมุ่งผลประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก  ที่ผ่านมา ไทยพีบีเอส ฝากเงินกับธนาคารรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนให้เกิดดอกผลจากเงินทุนหมุนเวียน  และธนาคารที่ฝากเงิน ไม่มีผลต่อการนำเสนอข่าวของไทยพีบีเอส แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามการบริหารเงินทุนดังกล่าวได้แจ้งต่อ คณะกรรมการนโยบาย เดือนก.พ.ที่ผ่านมา และพร้อมชี้แจงในการประชุมบอร์ด นโยบายอีกครั้งในเดือนมี.ค.นี้