หวั่นก.ล.ต.สั่งแก้งบ 'กรุ๊ปลีส'

โบรกเกอร์ประเมินก.ล.ต.อาจสั่งให้กรุ๊ปลีสแก้ไขงบการเงิน หากชี้แจงไม่ชัดเจน อาจต้องแบกขาดทุนพันล้านบาทจากตั้งสำรองเงินกู้ยืมทั้งก้อนพร้อมยุติให้คำแนะนำลงทุนเพราะที่มารายได้ซับซ้อน ประเมินมูลค่ายาก ส่วนราคาหุ้นดิ่งหนักเกือบ 100% ตลาดหลักทรัพย์ยันไม่กระทบความมั่นใจนักลงทุนที่มีต่อบจ.ลงทุนนอก 

กรณีที่ตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต.ได้สั่งให้บริษัทกรุ๊ปลีส จำกัด(มหาชน) GLชี้แจงประเด็นปัญหาที่ผู้สอบบัญชีได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องธุรกรรมปล่อยกู้ 

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า หากบริษัทกรุ๊ปลีส ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ ชัดเจนอาจไม่มีผลต่อประมาณการ แต่หากผลการชี้แจงไม่ชัดเจน ก.ล.ต. อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้บริษัทต้องแก้ไขงบการเงิน (เป็นไปได้ แม้ผู้สอบบัญชีจะให้ความเห็นรับรองงบการเงินแบบไม่มีเงื่อนไข แต่มีข้อสังเกตก็ตาม) ซึ่งมองโอกาสที่จะเป็นไปได้ คือ

กรณีที่ 1 บริษัทอาจต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมในเงินให้กู้ยืม 94 ล้านบาทที่ค้างชำระ 1-12 เดือน คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิปีนี้ 1,972.54 ลดลงจากประมาณการไว้ว่าจะมีกำไรสุทธิปีนี้ 2,051.35 ล้านบาท หรือลดลง 3.84 % กรณีที่ 2  บริษัทอาจต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมในเงินให้กู้ยืม 94 ล้านบาทที่ค้างชำระ 1-12 เดือน  ส่วนที่ได้ขยายตารางการชำระหนี้ 2,129 ล้านบาทจะทำให้มีกำไรสุทธิ 184.18 ล้านบาท กระทบกับกำไรสุทธิลดลง 91 %กรณีที่ 3 บริษัทอาจต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมสำหรับเงินให้กู้ยืมในต่างประเทศ 3,759 ล้านบาท ทำให้บริษัทพลิกขาดทุน 1,105.97 ล้านบาท กระทบกับกำไรสุทธิลดลง 153.91 % 

ฝ่ายวิจัยบล.ธนชาตระบุว่าได้ยุติการทำบทวิเคราะห์หุ้นกรุ๊ปลีส เนื่องจากเหตุผล 3 ประการดังนี้ ประการแรก บริษัทขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อปี2559 เข้าไปครอบคลุมอยู่ในกัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย ศรีลังกา และพม่า โดยรายได้รวมจากธุรกิจในต่างประเทศ 60% ของรายได้รวมปี2559 และบริษัทยังคาดว่าจะขยายในต่างประเทศต่อไป และคาดว่ารายได้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเกิน 80% ทำให้เชื่อว่าจะเป็นการยากที่จะติดตามและวิเคราะห์ 

ประการที่สอง โครงสร้างกรุ๊ปลีส ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และมีรายการธุรกรรมระหว่างบริษัทในเครือมาก และประการที่สาม แม้ราคาหุ้นจะลดลงมาเหลือใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายที่ 29 บาท แต่ด้วยเหตุผลข้างต้น ฝ่ายวิจัยยังมองว่าเป็นการยากที่จะติดตามประเมินมูลค่าของบริษัทต่อไป

ขณะที่ราคาหุ้น บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน)ปิดการซื้อขายที่ 17.70 บาท ปรับตัวลดลง 29.90 % โดยพิจารณาราคาหุ้น3วันลดลง 3ฟลอร์ หรือราคาปรับลดเกือบ 100%

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์กล่าวว่า ตลาดอยู่ระหว่างการรอให้บริษัทชี้แจง ทั้งนี้เชื่อว่าในปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจหรือลงทุนต่างประเทศ

“ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนไทยมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 45 - 46 %ด้านการตรวจสอบการลงทุนนั้น บริษัทจดทะเบียนจะต้องเปิดเผยข้อมูล และมีผู้ตรวจสอบบัญชีจะดูความถูกต้องของข้อมูล"