LHBANK - ซื้อเก็งกำไร

LHBANK - ซื้อเก็งกำไร

คาดกำไรปี 60 เติบโต 10% จากฐานที่เติบโตสูง 63%ในปี 59

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- ดีลร่วมทุนพันธมิตรเดินหน้าต่อคาดแล้วเสร็จปลายก.ย. 60 : ล่าสุดทางการไต้หวันอนุมัติให้ CTBC เข้าร่วมทุนกับ LHBANK ขั้นตอนต่อไปคือขออนุมัติจากธปท.และขอความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.ในการขอผ่อนผันไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (tender offer) รวมทั้งขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมวันที่ 24 เม.ย. ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 7.545 ล้านหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (Private placement) ราคาหุ้นละ 2.20 บาทให้กับ CTBC หลังดำเนินการแล้วเสร็จ CTBC จะถือหุ้น 35.6% เท่ากับการถือหุ้นของ LH และ QH รวมกัน โดยคาดว่ากระบวนการทั้งหมดน่าจะแล้วเสร็จราวปลายเดือนก.ย. 60

- ปี 60 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 6-10% : ปี 60 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 6-10% จากที่เติบโต 6.3% ในปี 59 โดยเน้นกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ที่ตั้งเป้าเติบโต 11% สินเชื่อรายย่อยตั้งเป้าเติบโต 20% โดยมีนโยบายขยายการให้สินเชื่อไปนอกกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ มากขึ้น และวางแผนในการลดต้นทุนทางการเงินด้วยการปรับโครงสร้างผู้ฝากเงินมาสู่กลุ่ม wealth เพื่อปรับปรุงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ให้ดีขึ้น

- คุณภาพสินทรัพย์ไม่น่าห่วง : ปลายปี 59 มีอัตราส่วน NP Lต่อสินเชื่อรวม 1.76% ซึ่งต่ำกว่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 2.98% โดยตั้งเป้ารักษาระดับ %NPL ที่ไม่เกิน 1.8% ในปี 60 ทั้งนี้อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อ NPL (Coverage ratio) เท่ากับ 120% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ราว 130% แต่ไม่น่ากังวลมากนักสินเชื่อรายย่อยของ LHBANK เป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจึงมีความเสี่ยงต่ำกว่าแบงก์อื่นที่สินเชื่อรายย่อยเป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล

- ประมาณกำไรปี 60 เติบโตอย่างน้อย 10% : เรามีความเห็นว่าแนวโน้มกำไรปี 60 มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องจากปี 59 ที่เติบโต 63% ตามการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงจากธุรกิจจัดการลงทุนโดยยังไม่ได้รวมผลจากการควบรวมกิจการกับ CTBC คาดการณ์กำไรปี 60 ราว 2.9 พันล้านบาทเติบโต 10% จากปี 59 แต่จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นราว 55% ทำให้คาด EPS growth ลดลง 29%

- คงคำแนะนำ“ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 2.20 บาท : ผลประกอบการในอนาคตมีโอกาสเติบโตจากการมีพันธมิตรเข้ามาช่วยเสริมธุรกิจ Trade Finance และ Digital Banking แต่ยังมีโจทย์ท้าทายเรื่องอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ปี 60 ที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 10% จาก 14% ในปี 59 และอยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่ม ทั้งนี้ราคาเหมาะสมซึ่งอิง P/BV ที่ระดับ 1.2 เท่าและ Ke ที่ 9% ได้เท่ากับ 2.20 บาทยังมี upside จากราคาปิดล่าสุด อย่างไรก็ดี หลังดีลควบรวมพันธมิตรแล้วเสร็จคาดจะมี % free float ลดลง คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”