ทยอยสะสมหุ้น Big Cap

ทยอยสะสมหุ้น Big Cap

สรุปสภาวะตลาดสหรัฐ ฯ และยุโรป ( 22 ก.พ. 2560 – 1 มี.ค. 2560)

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯปรับตัวลง DJIA -1.23%, DAX -0.83%, CAC -0.11% และ FTSE100 -0.65% หลังประธาน FED Janet Yellen ส่งสัญญานขึ้นดอกเบี้ยในรอบมีนาคมนี้

สรุปสภาวะตลาดหุ้นจีน ( 22 ก.พ. 2560 – 1 มี.ค. 2560)

ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น -0.19% กดดันโดยกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลงทดสอบ 50 USD/barrel

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 22 ก.พ. 2560 – 1 มี.ค. 2560)

SET INDEX แกว่งตัวในกรอบแคบหลังต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 9,022 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสถาบันในประเทศซื้อสุทธิประคองดัชนีปิด ณ วันที่ 8 มีนาคม ที่ระดับ 1,551.73 จุด ปรับตัวลง -15.46 จุด -0.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพียง 45,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 3.73%

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (10-16 มี.ค.)

เราปรับมุมมองต่อการลงทุนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าขึ้นเป็น “กลางถึงบวก” ครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ จากสัปดาห์ก่อนหน้า “กลาง” พร้อมให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound เพื่อทดสอบด่าน 1,570-1,580 จุด หลังเสร็จสิ้นการประชุมเฟดวันที่ 15 มี.ค. เราเชื่อว่าจะเกิด “Buy on Fact” ทั้งนี้ประเด็นสำคัญของการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ไม่ได้อยู่ที่การขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมนัดนี้ เพราะตลาด “ฟันธง” ไปแล้วว่าโอกาส 100% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย แต่สาระสำคัญอยู่ที่มุมมองของประธานเฟดต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างไร

• หากประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจ / นโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump / ปัจจัยต่างประเทศ คาดว่าสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น / สินค้าโภคภัณฑ์ จะฟื้นตัวเด่น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 100 จุด +/-

• แต่หากประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ อาจกลายเป็นสัญญาณลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น / สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงตลาดตราสารหนี้ ที่จะปรับตัวลงแรง ภายใต้ค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ทั้งนี้ เราให้น้ำหนักกับกรณีแรกมากกว่ากรณีที่ 2 ทำให้เรามีมุมมองต่อการลงทุนในสัปดาห์หน้าเป็น “กลางถึงบวก” ครั้งแรกในรอบเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา และอาจเป็นเหตุที่ทำให้ต่างชาติอาจทยอยปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม Upside gain ของ SET INDEX ยังคงจำกัดเช่นกัน เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ที่มีนัยยะสำคัญเข้ามากระตุ้นการลงทุนในระยะสัปดาห์ข้างหน้า

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ถือพอร์ตระยะกลางถึงยาวที่เน้นสะสมหุ้นหลัก (Big Cap) ที่ให้ทยอยสะสมในสัปดาห์นี้ เพื่อรอขายทำกำไรในรอบของการฟื้นตัวบริเวณ 1,580-1,590 จุด อย่างไรก็ตาม หาก SET INDEX ยังคงแกว่งออกด้านข้างในช่วงปลายสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้า นักลงทุนอาจทยอยสะสมหุ้น Big Cap เพิ่มเติมได้ โดยเน้นหุ้นปันผลเด่น หรือ งบการเงินใน 1Q60 เติบโตเด่น โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า

1. การประชุมเฟดวันที่ 14-15 มี.ค. / การประชุม BoJ วันที่ 16 มี.ค. / การประชุม BoE วันที่ 16 มี.ค.

2. ติดตามการพิจารณาขอขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะของสภาคองเกรสสหรัฐฯ วันที่ 16 มี.ค.

3. ติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายมาตรา 50 แห่งกรุงลิสบอน สำหรับการ Brexit ในอังกฤษ

4. ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ภาวะการจ้างงาน สหรัฐฯ / ยอดสินเชื่อใหม่สกุลเงินหยวน ของจีน / ผลผลิตภาคอุตฯ ของอียู