ย้อนรอยจัดการ 'แกนนำธรรมกาย'

ย้อนรอยจัดการ 'แกนนำธรรมกาย'

พระสนิทวงศ์ วุฒฑิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย คือพระลูกวัดรูปล่าสุด ที่โดนออกหมายจับและดำเนินคดีอาญา

การออกหมายเรียก หมายจับพระลูกวัด ศิษย์เอก และบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลาย เป็นหนึ่งในแผนของดีเอสไอ เพื่อลดทอนพลังของทางวัด ในการขับเคลื่อนมวลชนต่อต้าน การเข้าตรวจค้นและจับกุมตัวพระธัมมชโย เพราะเมื่อถูกดำเนินคดีและได้ประกันตัว ก็จะมีเงื่อนไขของศาลห้ามเคลื่อนไหวต่อ และไม่สามารถกลับเข้าไปในวัดได้อีก

หากย้อนเวลากลับไปจะพบว่ามีพระลูกวัดและศิษย์เอกถูกออกหมายเรียก หมายจับดำเนินคดีแล้วหลายคน ตั้งแต่ก่อนใช้อำนาจพิเศษเข้าปิดล้อมวัดในครั้งนี้ เริ่มจาก นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ ที่โดนข้อหายุยง ปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ถึงวันนี้นายองอาจเงียบหายไปจากสมรภูมิคลองหลวง

ช่วงเวลาของการปิดล้อมวัด บทบาทของ พระสนิทวงศ์ โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ทั้งการแถลงข่าว การปล่อยข่าว สร้างข่าว และชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ทั้งต่อหน้าสื่อและโพสต์ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย ทำให้เขาถูกออกหมายเรียกในคดีเดียวกับนายองอาจ แถมด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทำให้เขาหายหน้าไประยะหนึ่ง และเพิ่งเข้ามอบตัว พร้อมยื่นประกันตัวต่อศาลในวันที่ 9 มีนาคม

ช่วงที่พระสนิทวงศ์เก็บตัว ก็มี พระปลัดเสกสรรค์ อัตตทโม ออกมาทำหน้าที่สื่อสารแทน กระทั่งพระปลัดเสกสรรค์ถูกออกหมาย และเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ก่อนถูกส่งตัวไปฝากขังต่อศาล และได้ประกันตัวภายใต้เงื่อนไขต้องหยุดเคลื่อนไหวและห้ามกลับเข้าไปในพื้นที่ควบคุม

สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการควบคู่กันไปก็คือการกดดันอีกขั้น ด้วยการเสนอถอดสมณศักดิ์ “พระเทพญาณมหามุนี” กระทั่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ทำให้พระธัมมชโยมีสถานะเป็นพระธรรมดา และกลับไปใช้นามเดิมว่า พระไชยบูลย์ ธัมมชโย

ตามด้วยพระทัตตชีโว อดีตรองเจ้าอาวาสและอดีตรักษาการเจ้าอาวาส ที่ถูกถอดสมณศักดิ์ “พระราชภาวนาจารย์” ตามพระธัมมชโยไปติดๆ จากข้อกล่าวหาให้สถานที่พักพิงผู้ต้องหาและนำเงินของวัดไปเล่นหุ้น ทำให้เขามีสถานะเดียวกับพระไชยบูลย์ กลับไปใช้นามเดิมว่า พระเผด็จ ทัตตชีโว