MORNING CALL ACTION NOTES (8 มี.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (8 มี.ค.60)

กังวล FED ขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงด้วย Volume เบาบางเนื่องจากความกังวล FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง โดยภาวะตลาดส่วนใหญ่เป็นแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ก่อนที่ SET จะปิดที่ 1,549.87 จุด (-3.74 จุด) Vol. 3.6 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -2,412 ลบ. , TFEX Net +1,436 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- คาด FED ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14 – 15 มี.ค.เนื่องจากอัตราว่างงานในเดือนม.ค.อยู่ระดับต่ำ 4.8% รวมถึงเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้เป้าหมาย 2%

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลง เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายของปธน. ทรัมป์หลังนำแผนฉบับใหม่ใช้แทน"โอบามาแคร์" นอกจากนี้นลท.จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง)

- ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงล่าสุด 52.8 US/Barrel หลังคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นอีก 1.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9

- Fund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell 7 วันต่อเนื่องราว 1.1 หมื่นลบ. รวมถึงทิศทางเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุด 35.1 Bath/USD.

+ ญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการ GDP Q4/59 เป็น 1.2% จากเบื้องต้น 1.0%

** SYMC เผยกลุ่ม"ไทม์ ดอทคอม เบอร์ฮาด"จากมาเลย์ จะทำเทนเดอร์ฯขั้นต่ำ 35% แต่ไม่เกิน 37% ที่ 12.20 บ./หุ้น หลังเทนเดอร์ฯเสร็จจะเพิ่มทุน 113.51 ล้านหุ้น ขาย RO สัดส่วน 2.86-2.92:1 ที่ 8.80 บ./หุ้น ราว Q4/60

** OPP DAY 8 มี.ค. BCPG WAVE BM WICE PAP CPN MINT 9 มี.ค. SPCG DRT ARROW QLT HARN TKT PCSGH 10 มี.ค. JUBILE NCH GUNKUL BAFS FN BJC

ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงถูกกดดันจากคาดการณ์ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 14 – 15 มี.ค. ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออกต่อเนื่องโดยเป็น Net Sell 7 วันราว 1.1 หมื่นลบ. อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเป็นแรงกดดันกลุ่มพลังงาน ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวลงโดยมีแนวรับบริเวณ 1,540 – 1,545 จุด

กลยุทธ์การลงทุน รอซื้อช่วงอ่อนตัวแบบ Selective

- TTA PSL ค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 2 เดือน ล่าสุด 1,033 จุด

- TASCO ได้ประโยชน์จากราคายางมะตอย +7.8%MoM และ Demand ที่เพิ่มขึ้นเพื่อซ่อมแซมถนนหลังน้ำท่วมภาคใต้

- กลุ่มส่งออก (อาหาร อิเล็กทรอนิกส์) อานิสงส์เงินค่ามีแนวโน้มอ่อนค่าลง

- กลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำหุ้นแบงก์ใหญ่ SCB KTB KBANK


หุ้นแนะนำพิเศษ

TPCH     ราคาปิด 18.90 บาท     Bloomberg consensus 22.80 บาท

- กำไรปี 2016 ที่ 201 ลบ. (+331% YoY ) เนื่องจากรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ MGP 10 Mw (COD Q2/16) TSG 10 Mw (COD Q4/16) ส่งผลให้ปี 2016 มีโรงไฟฟ้ารวม 4 แห่งกำลังการผลิต 40 Mw. (23.2 Mw. ตามสัดส่วนที่บ.ถือหุ้น)

- แนวโน้มกำไรปี 2017 ยังเติบโตต่อเนื่อง โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 2017 ที่ 610 ลบ. (+203% YoY) จากการเปิดโรงไฟฟ้าใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ PGP 10 Mw และ SGP 10 Mw (คาด COD ใน Q2/17 ทั้งคู่ ) ซึ่งจะทำให้บ.มีโรงไฟฟ้ารวม 6 แห่งกำลังการผลิต 60 Mw (33.4 Mw. ตามสัดส่วนที่บ.ถือหุ้น)

- แผนการเปิดโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคตของบริษัท ปี 2018 เพิ่มอีก 4 แห่ง (PTG1 23 Mw , TPCH1 10 Mw , TPCH2 10 Mw , TPCH5 6.3 MW.) ปี 2019 เพิ่มอีก 2 แห่ง (SP 9.5 Mw. , PTG2 23 Mw.) นอกจากนี้เตรียมเข้าประมูลโรงไฟฟ้า VSPP ของภาครัฐเพิ่มเติมในปี 2017 รวมถึงเซ็น MOU เข้าศึกษาพลังงานน้ำในลาว 52 Mw. ส่งผลให้บริษัทคาดว่าในปี 2020 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 330 Mw (Biomass 200 Mw. , ขยะ 50 Mw. และน้ำ 80 Mw.)

หุ้นมีข่าว

CKP   Analyst Meeting    ราคาปิด 3.20     Bloomberg Consensus 3.45

- รายงานกำไรปี 59 ที่ 55 ล้านบาทหดตัว 87%YoY เนื่องจากมีการ write-off โครงการน้ำบาก 378 ล้านบาทเพราะไม่คุ้มค่าการลงทุน ขณะที่โรงไฟฟ้าหลักทั้ง 3 แห่งผลประกอบการปรับตัวลง โดยโครงการผลิตไฟฟ้าน้ำงึม2 ผลิตไฟได้ลดลงตามปริมาณน้ำที่ลดลง และโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจน(BIC)และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ผลประกอบการปรับตัวลงตามค่าผันแปรไฟฟ้า(Ft)ที่ติดลบตลอดทั้งปี 59

- เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการในปี 60 เนื่องจากจะไม่มีค่าใช้จ่าย write-off และได้รับแรงหนุนจากการ COD โครงการ BIC2 กำลังการผลิต 120 MW ช่วงมิ.ย. 60 โดย Bloomberg Consensus คาดปี 60 กำไรจะอยู่ที่ 520-550 ล้านบาทเติบโต 845%YoY

- คาดบริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตจากการได้สัมปทานเขื่อนผลิตไฟฟ้าในลาวอีก 1 แห่ง เนื่องจากมีความชำนาญในการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีอีกทั้งมีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลลาวซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการในอนาคตของบริษัท

- RML (ราคาปิด 1.34 บาท ขาย ราคาเหมาะสม IAA consensus 1.42 บาท) ฉายแววผลงานโตสวย วงในเผยเก็บแบ็กล็อกเข้ามือรวมมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท คาดจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดภายในปีนี้แถมโครงการรอจ่อขายพร้อมโอนอีก 5.5 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ เติมเข้าพอร์ต ฟากโบรกชี้มีจุดแข็ง ราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นต่ำสุด (ทันหุ้น)

  ความเห็น ปี 59 มีกำไรใกล้เคียงตามคาดที่ 851 ลบ. -5%yoy ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการปี 60 มีแนวโน้มลดลงราว 7% อยู่ที่ 788 ล้านบาทเนื่องจากรายได้จากโอนมีแนวโน้มลดลงเพราะมี backlog เหลือน้อยเพียง 4,050 ล้านบาท ราคาปิดล่าสุดซื้อขายที่ PBV 0.94 เท่า

- ประเด็นบวก BEM (ราคาปิด 7.10 “ถือ” ราคาเหมาะสม 7.40) รมว.คมนาคม เผยเพิ่งส่งเรื่องรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 26.9 กิโลเมตรเข้า ครม.คาดพิจารณาในเร็ว ๆ นี้

- TRC (ราคาปิด 1.58 “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 1.75) เตรียมเข้าประมูลงานใหม่ราว 2.6 หมื่นลบ.ปีนี้ทั้งงานท่อก๊าซ-สร้างรง.-โครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ

- SCC (ราคาปิด 526 Bloomberg Consensus 573.32) เข้าซื้อธุรกิจปูนซีเมนต์ในภาคกลางของเวียดนาม รวมมูลค่ากิจการ 1.54 หมื่นลบ.

- WHA (ราคาปิด 3.04 Bloomberg Consensus 3.74) ตั้งเป้าใช้งบปีนี้ 7 พันลบ.จากแผนลงทุน 4.3 หมื่นลบ.ใน 5 ปี,อาจเห็น M&A ดีลขนาดเล็กปีนี้

- RATCH (ราคาปิด 50.25 Bloomberg Consensus 56.14) เผยโรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น 100 MW ซึ่งกลุ่มบริษัทถือหุ้นอยู่ 35% เซ็นจ้างผู้ก่อสร้างแล้วเริ่มผลิตปี 62

- BPP (ราคาปิด 24.90 Bloomberg Consensus 27.65) เผย บ.ย่อยขายหุ้น 100% ใน"ไทยโซล่าร์ คอนซัลแตนท์"มูลค่า 10 ลบ.ไม่กระทบแผนธุรกิจ

- TFD เพิ่มทุน 1.27 พันล้านหุ้น เสนอขาย PP-ผถห.เดิมราคาไม่ต่ำกว่า 2 บาทพร้อมแถมวอแรนต์,ขายหุ้น HOTPOT ทั้งหมด

- PDI มั่นใจผลงานปีนี้ดีกว่าปีก่อนรับราคาสังกะสีพุ่ง-โซลาร์ฟาร์ม COD เพิ่ม/วางเป้าลงทุน 150 MW ใน 3 ปี

- "มัดแมน"ทุ่ม 80-100 ลบ.รุกเปิด"เกรฮาวด์คาเฟ่"แห่งแรกในอังกฤษ Q4/60 เป็นต้นแบบกระจายสาขายุโรป

- SR ได้งานท่อส่งก๊าซฯ-สถานีวัดพลังงานความร้อนโครงการ ABPR5 มูลค่า 65.59 ลบ.

- WAVE จะออกวอร์แรนต์ไม่เกิน 42.12 ล้านหน่วยให้ฟรีผถห.เดิม 10:1 พร้อมเพิ่มทุนรองรับ

- SYMC เผยกลุ่ม"ไทม์ ดอทคอม เบอร์ฮาด"จากมาเลย์ จะทำเทนเดอร์ฯขั้นต่ำ 35% แต่ไม่เกิน 37% ที่ 12.20 บ./หุ้น หลังจากนั้นจะเพิ่มทุน 113.51 ล้านหุ้น ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) ที่ 2.86-2.92 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 8.80 บาท คาดจะดำเนินการช่วงไตรมาส 4/60 ซึ่งเป็นไปตามแผนการหาพันธมิตรทางธุรกิจ

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -29.58 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,924.76 จุด ลดลง 29.58 จุด หรือ -0.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,833.93 จุด ลดลง 15.25 จุด หรือ -0.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,368.39 จุด ลดลง 6.92 จุด หรือ -0.29% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่พรรครีพับลิกันได้เปิดเผยแผนฉบับใหม่ที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพที่เรียกว่า "โอบามาแคร์" นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.06 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 53.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันในวันนี้