Daily Market Outlook (7 มี.ค.60)

Daily Market Outlook (7 มี.ค.60)

ความกังวลหลายประการ

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดวันนี้จากความกังวลถึงความสับสนรอบๆ รัฐบาล Trump ว่าจะทำให้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต้องล่าช้าออกไป ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มีนโยบายนำประเทศออกจาก EU กลับมามีคะแนนสำรวจนำอีกครั้งหนึ่ง ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศในเอเชียพุ่งขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือยิงขีบปนาวุธไปตกในน่านน้ำของญี่ปุ่นเมื่อวาน นักลงทุนต้องเตรียมใจรับโอกาสสูงที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ปัจจัยภายในประเทศวันนี้เป็นบวก บจ.ทำกำไรได้สูงถึง 9.09 แสนล้านบาทในปีที่แล้วหรือขยายตัว 30% YoYอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นปีที่แล้ว แต่ยังต่ำมากแค่ 0.99% น่าจะต่ำที่สุดในโลก แต่ที่สำคัญกว่าคือผลิตภาพแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

หุ้นเด่นวันนี้: HMPRO (ราคาปิด9.90 บาท;NR; ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA 11.60 บาท)

บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้านและที่อยู่อาศัยในประเทศไทย บริษัทยังน่าจะได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว ราคาพืชผลที่ดีขึ้นและมาตรการกระตุ้นจากทางภาครัฐ บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายและบริการปีนี้จะเติบโต 8-12% จากปีก่อนทั้งจากการเติบโตยอดขายสาขาเดิมและการเปิดสาขาใหม่ HMPRO มีสาขาทั้งสิ้น 93 สาขาทั่วประเทศ เปิดดำเนินการภายใต้แบรนด์โฮมโปร 80 สาขา ภายใต้แบรนด์เมกาโฮม 11 สาขาและ 2 สาขาในประเทศมาเลเซีย ปีที่แล้ว HMPRO ได้เปิดธุรกิจใหม่ Homepro Living ซึ่งเน้นวัยเริ่มทำงานและผู้ที่อยู่ในคอนโดหรือบ้านขนาดเล็ก ในปี 2560 นี้ HMPRO เตรียมงบลงทุนไว้ราว 6-7 พันล้านบาทในการขยายสาขาโฮมโปรในประเทศ 2-3 สาขาและเมก้าโฮม 3-4 สาขา รวมทั้งเปิดสาขาโฮมโปรในมาเลเซียเพิ่มอีก 2-3 สาขา รวมเป็น 7-10 สาขา ส่วนที่เหลือจะใช้ปรับปรุงสาขาเดิมที่มีศักยภาพเพิ่มเติมด้วย บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาในลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนามเพิ่มเติม คาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนและกำหนดเวลาเปิดสาขาได้ในปี 61 กลยุทธ์ของ HMPRO ที่จะผลักดันสินค้าแบรนด์ตัวเอง (house brand) ก็น่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเข้าไปอีก และ HOMEPRO ยังจะเน้นลูกค้าในตลาดซ่อมแซมมากขึ้นซึ่งน่าจะช่วยส่งเสริมการเติบโตขิงรายได้ ปีนี้ปัจจัยขับเคลื่อนน่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งน่าจะช่วยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริงและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภครวมถึงการจับจ่ายใช้สอยด้วย จากค่าเฉลี่ยของสมาคมนักวิเคราะห์กำไรต่อหุ้นน่าจะเติบโตได้ 16% ปีนี้และ 13% ปี 60 Price Pattern ของ HMPRO ยังคงมีความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal แต่ยังคงเกิดความอ่อนแอทั้งในระยะกลางและระยะยาวจากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal จากความแข็งแกร่งในระยะสั้น HMRPO มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 9.95 บาท ซึ่งหาก สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้น ก็จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 10.20 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 10.50 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ HMPRO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 9.70 บาท (แนวต้าน: 9.80, 9.85, 9.95; แนวรับ: 9.70, 9.65, 9.55)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• กำไรของบริษัทจดทะเบียนทำสถิติสูงสุดในรอบห้าปี โดยกำไรรวมทั้งหมดมูลค่าเท่ากับ 9.09 แสน ลบ. พุ่ง 30.41% เพราะต้นทุนการผลิตต่ำลงและการฟื้นตัวของกลุ่มพลังงาน สาธารณูปโภคและเคมีภัณฑ์ โดยมีบริษัทที่มีกำไรเป็นบวกถึง 461 บริษัทคิดเป็น 81.31% จากบริษัททั้งหมดที่ส่งงบการเงิน (The Nation)ความเห็น: มูลค่ากำไรรวมออกมาตรงกับเราคาดการณ์ไว้ที่ 9 แสน ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 30.1% เราคงคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 60 ไว้ที่ 1.034 ล้าน ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 15% YoY

• อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นแต่ผลิตภาพเพิ่มขึ้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานอัตราการว่างงานปี 59 เท่ากับ 0.99% เพิ่มจาก 0.9% ในปี 58 แต่ผลิตภาพของแรงงานเพิ่มขึ้น 4.1% ขณะที่ค่าจ้างและเงินเดือนไม่รวมค่าล่วงเวลาและผลประโยชน์อื่นเพิ่มขึ้น 1.8% (Bangkok Post/The Nation)ความเห็น: เราคาดว่าตลาดแรงงานไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้นอีกในปีนี้ สอดคล้องคาดการณ์ของเราว่าเศรษฐกิจและยอดส่งออกจะเติบโต เราคาดเศรษฐกิจปี 60 จะเติบโต 3.5% มากกว่าปี 59 ซึ่งเท่ากับ 3.2%

• อนุมัติแผนปฏิรูปการบิน รัฐบาลวานนี้ได้เห็นชอบแผนปฏิรูปการบิน ซึ่งจะต้องมีการลงทุนในสนามบินตลอดช่วง 10 ปีข้างหน้าด้วยงบประมาณ 4.06 แสน ลบ. การลงทุนน่าจะช่วงเพิ่มผู้โดยสารขาเข้าให้เป็น 277 ล้านรายจากปัจจุบัน 130 ล้านราย เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคและจัดตั้งศูนย์กลางการบำรุงรักษา ซ่อม และยกเครื่องอากาศยาน (MRO) (Bangkok Post)

• บมจ.ดุสิตธานี (ราคาปิด 9.90 บาท) เป็นผู้นำธุรกิจโรงแรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย จะเข้าร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม (Mixed-Use)โดยพัฒนาร่วมกับ CPN (ราคาปิด 55.50 บาท) โดยมีมูลค่าโครงการรวมไม่เกิน 36,700 ล้านบาท DTC จะยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติจนกว่าจะถึงวันที่ 30 มิ.ย.61 บริษัท ฯ กล่าวในการแถลงข่าว โรงแรมเพิ่งลงนามในสัญญากับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (CPB) เพื่อดำเนินการให้เช่าที่ดินที่สี่แยกถนนสีลมและถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานีDTC ได้รับอนุญาตจาก CPB ให้เช่าที่ดินเพิ่มเติมจาก 19 ไร่ เป็น 24 ไร่อีกด้วย (Bangkok Post)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทรงตัวอยู่ในกรอบแคบ ๆ เมื่อวันจันทร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ยืนต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีครึ่งเนื่องจากนักลงทุนรอการประมูลพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนจำนวนมากในสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 2.494% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้น 2 bps สู่ระดับ 3.101% (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อวันจันทร์ เทียบกับเงินยูโรหลังจากนายอาแลง จุ๊ปเป อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศยืนยันไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งดูเหมือนจะเพิ่มโอกาสให้กับนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งหนุนให้ฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป เงินยูโรอ่อนค่า 0.35% สู่ระดับ 1.0584 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงก่อนหน้านี้ (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเป็นกังวลเกี่ยวกับความวุ่นวายที่ล้อมรอบการบริหารประเทศของทรัมป์และความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์จากเกาหลีเหนือ การขาดรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์ ท่าทีในการโดดเดี่ยวประเทศของเขาและปัญหาในคณะรัฐมนตรีทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าการทะยานของหุ้นหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ดำเนินไปด้วยตัวมันเองหรือไม่ นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวหานายบารัก โอบามา ว่าแอบดักฟังโทรศัพท์ของเขาในช่วงหาเสียงแต่ไม่มีหลักฐานใด ๆ (Reuters)

• ทรัมป์ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีฉบับใหม่ห้ามพลเมืองจาก 6 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐโดยยกเว้นอิรักจากรายชื่อประเทศซึ่งมีการประกาศก่อนหน้านี้ คำสั่งฉบับใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 มี.ค. นั้น ห้ามพลเมืองจาก 6 ชาติมุสลิม ซึ่งได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐเป็นเวลา 90 วัน โดยมีผลกับผู้ที่ยื่นขอวีซ่าใหม่เท่านั้น และหมายถึงว่าคนจำนวน 60,000 รายที่ยื่นขอวีซ่าในช่วงที่มีการออกคำสั่งฉบับเดิมสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้ (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปปรับลงวานนี้ นำโดยการปรับตัวลงของหุ้นดอยซ์แบงก์หลังจากธนาคารเปิดเผยถึง cash call จำนวน 8 พันล้านยูโร อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของตลาดถูกจำกัดโดยการซื้อขาย M&A ในกลุ่มยานยนต์และกลุ่มบริหารจัดการสินทรัพย์ ผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศส PSA Group ตกลงที่จะซื้อ Opel จาก General Motors ที่มูลค่า 2.2 พันล้านยูโร ซึ่งจะทำให้สถานะของบริษัทถูกยกระดับขึ้นมาเทียบชั้นกับ Volkswagen นอกจากนี้ การควบรวมของ Aderbeenและ Standard Life อาจจะไปกดดันคู่แข่งให้ทำการควบรวมในลักษณะเดียวกันได้ (Reuters)

เอเชีย:

• ผู้นำเกาหลีเหนือ Kim Jong Un ดูแลการทดสอบการเปิดตัวขีปนาวุธ 4 ครั้งในวันจันทร์และก้าวขึ้นมาข่มขู่สหรัฐฯ ว่าจะตอบโต้ต่อกองกำลังสหรัฐฯ ในการฝึกซ้อมร่วมกับเกาหลีใต้ เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 4 ลูกลงสู่ทะเลนอกประเทศญี่ปุ่นทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายชินโซะ อาเบะได้หารือกันเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในระหว่างการโทรศัพท์เมื่อวันอังคาร(Reuters)

• จีนและเกาหลีใต้เกิดความขัดแย้งทางการทูตเกี่ยวกับ THAAD: เพื่อเพิ่มการป้องกันขีปนาวุธเกาหลีใต้อนุญาตให้สหรัฐฯ ใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธ (THAAD) ซึ่ง THAAD เป็นการรบกวนต่อจีนและนำไปสู่ความขัดแย้งทางการทูตระหว่างจีนกับเกาหลีใต้ ทางการจีนได้ปิดร้านค้าปลีกของกลุ่ม Lotteของเกาหลีใต้ไปเกือบ 24 ร้าน เป็นการตอบโต้ หลังจากมีการอนุมัติการแลกเปลี่ยนที่ดินสำหรับกองทัพในสัปดาห์ที่ผ่านมา(Reuters)

• จีนจะยึดติดกับกรอบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวเพื่อรักษาค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพ ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) กล่าวในวันจันทร์ การถดถอยทางเศรษฐกิจที่กระจัดกระจายไปสู่นักลงทุน กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการชุดมาตรการเพื่อลดการไหลออกของเงิน (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบแกว่งวันจันทร์ และกลับมาเป็นลบหลังหน่วยงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดน้ำมันหินดินดาน (เชลออย) จะเติบโตขึ้นและอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์กลั่นแล้วในยุโรปลดลง ซึ่งหักลบผลบวกจากความพยายามลดกำลังผลิตเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันล้นตลาด น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าส่งมอบ พ.ค. ลดลง 13 เซนต์ (-0.24%) ปิด 53.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่น้ำมันดิบสหรัฐบวก 11 เซนต์ปิด 56.01 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• การผลิตเชลออยของสหรัฐอาจเติบโตไปถึง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2565 ถ้าราคาน้ำมันอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล IEA ระบุ กำลังผลิตอาจโตได้ถึง 3 ล้านบาร์เรลต่อวันถ้าราคาเพิ่มไปถึง 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะเดียวกันความต้องการจากยุโรปก็มีลดลง (Reuters)

• ราคาทองคำร่วงเป็นวันที่สามติดต่อกันในวันจันทร์ กดดันจากความเห็นของ Janet Yellenประธาน Fed ที่ย้ำว่าสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยใน มี.ค. ราคาทองคำตลาดจรลบ 0.6% ปิดที่ 1,226.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำตลาดล่วงหน้าลบ 0.08% ปิดที่ 1,225.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)