PCSGH - ซื้อ

PCSGH - ซื้อ

ฟื้นตัว ปี 60

ประเด็นการลงทุน

เราคาดว่าผลประกอบการของ PCSGH จะฟื้นตัวเร็วกว่าที่เราคาดไว้ในปี 60 หลังจากที่มีปัญหาในด้านการผลิต ในไตรมาส 2/59 และ ไตรมาส 3/29 ส่งผลให้เราปรับเพิ่มคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นของเราไปที่ 19.5% จาก 17.5% และผลดังกล่าวทำให้เรา ปรับเพิ่มประมาณกำไรของเราอีก 14% เป็น 628 ล้านบาท และยังมีโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการสูงขึ้นอีกหาก PCSGH สามารถเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าที่เราคาด จากการบริหารต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น หรือมียอดขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่เราประมาณการ ในครึ่งหลังปี 60 ดังนั้นเราปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนของ PCSGH จาก ถือ เป็น ซื้อ ในปี 2560 ที่ระดับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 6.10 บาท (หรือมี PE เป้าหมายที่ 15.0 เท่า)

กำลังการผลิตและยอดขายทยอยกลับมาตามปกติปี 2560

จากการที่เครื่องฉีดปั๊มขึ้นรูปอะลูมิเนียม 2,500 ตันได้เกิดความเสียหายไตรมาส 2/59 และ 3/59 ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตกิจการลดลงเหลือ 50% จากปกติ 70% และในไตรมาส 4/59 ทาง PCSGH สามารถแก้ไขเครื่องจักรเสร็จ และทำให้อัตราการผลิตให้กลับมาสู่ระดับปกติที่ 70% เร็วกว่าคาด เราคาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเป็นปกติในปีนี้ นอกจากนั้นเราเชื่อว่างานการผลิต ชิ้นส่วนรถบรรทุกและ รถจักยานยนต์ ที่ล้าช้าจะกลับมาผลิตได้ ในปลายไตรมาส 1/60 ซึ่งจะช่วย อัตราการผลิตในปี 60 คงอยู่ที่ 70% จาก 60% ในปีที่แล้ว เราคาดการเติบโตของยอดขายจะโตประมาณ 5% เป็น 3.9 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามยอดขายมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นหากมีคำสั้งซื้อที่มากขึ้นกว่าที่เราคาดไว้

แม้เราปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นแล้วแต่ยังคงมีโอกาสที่จะปรับเพิ่ม...

การผลิตที่กลับสู่ภาวะปกติ ในปี 60 ทำให้เราปรับการคาดอัตรากำไรขั้นต้น เป็น 19.5% จากเดิมที่ 17.5% โดยสังเกตว่าในไตรมาส 4/59 PCSGH มี
อัตรากำไรขั้นต้นที่ 19.4% พลิกจาก ไตรมาส 2/59 ที่ 9.1% และ ไตรมาส 3/59 ที่ 11.6%(ในช่วงที่มีปัญหาในด้านการผลิต) การปรับตัวของอัตรา
กำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นทำให้เราปรับเพิ่มกำไรของกิจการปี 60 อีก 14% เป็น 628 ล้านบาท เราเห็นถึงโอกาสที่อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับไปสูงกว่าประมาณการเราหากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศฟื้นตัวดีกว่าคาดโดยบริษัทมีนโยบายคงอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 20-25% 


มีเงินสดในมือมากสำหรับ การหาโอกาสในการลงทุนใหม่

PCSGH มีกระแสเงินสดกว่า 1.2 พันล้านบาท โดยที่ไม่มีภาระหนี้สิน ทำให้ PCSGH สามารถใช้เงินในกิจการสำหรับ การลงทุนใหม่ๆโดยที่ไม่ต้องกู้ยืม โดยเราคาดว่า กิการมีแผนการใช้เงินลงทุน (CAPEX) จำนวน280 ล้านบาท และในจำนวนนี้ จะเป็นการลงทุน โครงการโซลาร์ รูฟท๊อปกว่า 175 ล้านบาท (ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จากแผงโซล่าเซลที่ติดตั้งที่หลังคาโรงงาน) จะทำการผลิตเพิ่มขึ้น 2 MW จากเฟสแรกที่ 5 MW เริ่มปี 2559) จะเริ่มส่งกระแสไฟฟ้าในครึ้งหลังของปี 2560 โครงการนี้จะช่วยให้กิจการประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีก 8-9 ล้านต่อปีหลังจากที่ เฟสแรกทำให้กิจการประหยัดต้นทุนไฟฟ้ากว่า 20 ล้านบาทในปีที่แล้ว ซึ่งเราไม่ได้รวมผลประโยชน์นี้ในประมาณการของเรา