XO - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

XO - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

โรงงานแห่งที่ 2 ช่วยหนุนผลประกอบการครึ่งปีหลังอย่างมีนัยสำคัญ

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- ดำเนินธุรกิจผลิตซอสปรุงรสอาหารเพื่อส่งออก : บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) (XO) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารกึ่งสำเร็จรูปและเครื่องแกง และเครื่องดื่มภายใต้ตราสินค้า EXOTIC FOOD THAI PRIDE และFLYING GOOSE เพื่อการส่งออก โดยจำหน่ายให้แก่ผู้กระจายสินค้าในต่างประเทศซึ่งลูกค้าหลักอยู่ทวีปยุโรปคิดเป็นสัดส่วน 68% ของยอดขาย รองลงมาเป็นทวีปอเมริกาคิดเป็นสัดส่วน 14% ของยอดขาย โดยบริษัทจำหน่ายสินค้าเป็นเงินบาท เงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินยูโรราว 50%, 36% และ 14% ตามลำดับ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือซอสน้ำจิ้มไก่และซอสพริก
ศรีราชามียอดจำหน่าย 66% ของยอดขายรวม รองลงมาเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปและเครื่องแกง และเครื่องดื่มในสัดส่วน 20% และ 14% ของยอดขายตามลำดับ(อ้างอิงข้อมูลจากปี 59)

- ผลการดำเนินงานปี 59 หดตัวลง 10%YoY จากค่าเสื่อมราคาและทำลายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน : ปี 59 รายงานกำไรสุทธิที่ 77 ล้านบาทลดลง 10%YoY แม้ว่ายอดขายจะปรับตัวขึ้น 19% สู่ 878 ล้านบาทตามปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง 0.5% จากปี 58 สู่ 31% เนื่องจากเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคาโรงงานแห่งที่ 2 และค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มผลิตในโรงงานแห่งที่ 2 ในไตรมาส 4/59 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการทำลายสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพอีก 21.7 ล้านบาท(เพิ่มขึ้น 20 ล้านบาทกดดันอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเติม อีกทั้งในปี 59 บริษัทแจ้งยกเลิก BOI ของโรงงานเดิมส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายทางภาษีเพิ่มขึ้นกดดันผลประกอบการ

- คาดผลการดำเนินงานปี 60-61 เติบโตเฉลี่ย 22%ต่อปี : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ปี 60 จะอยู่ที่ราว 922 ล้านบาทเติบโต 5%YoY เนื่องจากบริษัทกำลังดำเนินการย้ายสายการผลิตซอสน้ำจิ้มไก่และซอสพริกศรีราชาไปยังโรงงานแห่งที่ 2 (กำลังการผลิต 2.96 หมื่นตันเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว) ทำให้ยังไม่สามารถขยายตลาดได้มากนักเพราะโรงงานแห่งที่ 1 ได้ผลิตเต็มกำลังกาผลิตแล้วที่ 7.4 พันตัน โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังโรงงานแห่งที่ 2 จะผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นจาก 31% ในปี 59 สู่ 32% นอกจากนี้โรงงานแห่งที่ 2ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายทางภาษีในปี 60-67 ช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานปี 60 ให้เติบโตราว 11%YoY สู่ 86 ล้านบาท ขณะที่ปี 61 เราคาดรายได้จะอยู่ที่ราว 1,060 ล้านบาทเติบโต 15%YoY เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดไปยังตะวันออกกลาง(6ประเทศ) เอเชีย(5 ประเทศ) แอฟริกา(3 ประเทศ) และนิวซีแลนด์หลังมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากโรงงานแห่งที่ 2 เราคาดกำไรปี 61 จะอยู่ที่ราว 114 ล้านบาทเติบโต 34%YoY และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นสู่ 33% (โรงงานแห่งที่ 2 ผลิตได้เต็มประสิทธิภาพอีกทั้งสามารถลดค่าใช้จ่ายพนักงานลงได้เนื่องจากใช้เครื่องจักรผลิตเป็นหลัก) อีกทั้งได้สิทธิประโยชน์จาก BOI ทำให้ค่าใช้จ่ายทางภาษีลดลง

- แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ราคาเหมาะสม 5.40 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี PEG Ratio โดยคำนวณอัตราเติบโตเฉลี่ยในอีก 2 ปีต่อจากนี้ได้ 22% และประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 60 ได้ 0.244 บาท ได้ราคาเหมาะสม 5.40 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดในปัจจุบันเล็กน้อย ในระยะสั้นคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการผลิตเพิ่มขึ้นใน 1-2 ไตรมาสต่อจากนี้ แต่ในระยะยาวเมื่อโรงงานแห่งใหม่สามารถเดินสายการผลิตได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงและเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงแนะนำให้ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”