“ต่างชาติ"ขอเปิดขายดีดับบลิว

“ต่างชาติ"ขอเปิดขายดีดับบลิว

ต่างชาติยื่นขอขายดีดับบลิว หลังเทรดคึก-วอลุ่มทะลักสูงประวัติการณ์ ตลาดหลักทรัพย์ยันต้องเป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต. เท่านั้น

นางสาว รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์(DW)ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติ สนใจเข้ามาให้บริการเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ และเข้ามาขอข้อมูลกับตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเข้ามาให้บริการ

“ที่ผ่านมา ตลาดได้รับการติดต่อจากบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติ เพื่อเข้ามาขอข้อมูลการเปิดบริการในประเทศไทย ซึ่งได้ตอบไปว่า ผู้ที่จะให้บริการจะต้องมีฐานะเป็นบล.ในไทยหรือต้องได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือก.ล.ต.เท่านั้น ”

สำหรับความเคลื่อนไหวของการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ พบว่าได้รับความนิยมอย่างมาก เห็นได้จากสัดส่วนการซื้อขายต่อมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ต่อวันปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 6 % และในอนาคตจะเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งความสนใจของโบรเกอร์ต่างชาติที่จะเข้าให้บริการใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์คาดว่าในอนาคตน่าจะเกิดความร่วมมือระหว่างโบรกเกอร์ไทยกับโบรกเกอร์ต่างชาติ เพื่อเปิดการให้บริการใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์

ทั้งนี้ปัจจุบันมีหลักทรัพย์ที่สามารถอ้างอิงทั้งสิ้น 93 หลักทรัพย์ ซึ่งการเพิ่มจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงนั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานก.ล.ต.เป็นผู้พิจารณา

นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า สำหรับความสนใจของบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจด้านใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องปกติ เพราะการเติบโตในช่วงที่ผ่านมาในด้านมูลค่าการซื้อขาย ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต ซึ่งการแข่งขันขณะนี้ยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ทิศทางการแข่งขันในอนาคตน่าจะเป็นเรื่องการวางสภาพคล่องให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

ทั้งนี้ พฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานั้น นักลงทุนหันเข้าทำการซื้อขายในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์อ้างอิงดัชนีเซ็ท 50 ในตัว PUTหรือผลิตภัณฑ์ประเภทที่คาดการณ์ว่า ดัชนีจะปรับตัวลดลง ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้หลักทรัพย์ดังกล่าวติดอันดับ หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายหน่วยลงทุนสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์หลายวันทำการ ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ดัชนีหุ้นไทยจะไม่สามารถทะลุ 1,600 จุดได้

บล.เคจีไอ ขอแจ้งเตือนนักลงทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์อ้างอิงดังกล่าว ให้ใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์อ้างอิงเซ็ท 50 มีอัตราทดสูงถึง 30 เท่า โดยหากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 % จะส่งผลให้หลักทรัพย์อ้างอิงดังกล่าว สามารถเปลี่ยนแปลงได้ถึง 30 % นอกจากนี้นักลงทุนควรพิจารณาถึงอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ว่ามีกำหนดการซื้อขายวันสุดท้ายในวันใด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากถือใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์เกินกำหนด

อย่างไรก็ตามแนวโน้มตลาดของใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ช่วงที่เหลือของปีนี้ มองว่า มูลค่าการซื้อขายน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์แบบอ้างอิงดัชนีเซ็ท 50 จะได้รับความนิยมต่อไป ตามความผันผวนของดัชนีที่มากขึ้น ทั้งนี้ บล.ยังคงให้เน้นการให้บริการโดยออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าในทุกหลักทรัพย์อ้างอิง