คาด12อุตฯไตรมาสแรกกำไรฟื้น

คาด12อุตฯไตรมาสแรกกำไรฟื้น

โบรกเกอร์คาด 12 อุตสาหกรรมไตรมาสแรกกำไรกระเตื้อง เหตุภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นหนุนสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งต่อเนื่อง

หลังจากจบเทศกาลประกาศผลประกอบการงวดปี 2559 และไตรมาส4ปี 2559 นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้เริ่มทยอย ประเมินแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาสแรกปีนี้ โดยผ่านไป 2 เดือนน่าจะเริ่มเห็นทิศทางที่ชัดเจนขึ้นว่ากลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมีแนวโน้มฟื้นตัวหรือฝ่ากระแสความผันผวนไปได้บ้าง

บล.บัวหลวง ประเมินกลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทย โดยฝ่ายวิจัยได้คาดกำไรสุทธิในหุ้นที่ดูแลทั้งหมดในไตรมาส 1ของปี 2560 ซึ่งกลุ่มที่จะเติบโตได้ดีจากงวดเดียวกันปีก่อนมีถึง 12 กลุ่ม จาก 19 กลุ่ม เช่น Petrochemicals (ยอดขายสูงขึ้น และ Blended productsspread ที่สูงขึ้น), Consumer finance (อัตราการเติบโตของสินเชื่อ ในขณะที่คุม NPL ได้ดี),Retailers (ยอดขายปรับตัวสูงขึ้นจากการขยายสาขาและการควบคุมต้นทุน), Automotive(ยอดขายสูงขึ้นและอัตรากำไรฟื้นตัว) และ Bank (การตั้งสำรองที่น้อยลง) แม้ว่ากำไรในไตรมาส4ปี2559จะออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด แต่ในเดือนที่ผ่านมาตลาดได้มีกาปรับประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้นลง

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าภาพเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจะหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นได้ รวมถึงภาพเศรษฐกิจในประเทศที่จะได้รับแรงหนุนจากการลงทุนของรัฐบาล, การฟื้นตัวของกำลังซื้อ และการปรับตัวดีขึ้นของภาคการส่งออก คาดเป็นอัพไซด์ที่จะปรับประมาณการในอนาคต ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้นของบจ.ในปี2560ของตลาดที่ 105.6 สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ 103.1 และยังคงเป้าหมายของ ดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี2560 ที่ระดับ 1670 จุด

ขณะที่หุ้นกลุ่มขนาดเล็กหรือ Small-Cap ที่ฝ่ายวิจัยวิเคราะห์ พบว่ามีการรายงานผลประกอบการไตรมาส4ปี2559เติบโตโดดเด่นตามคาดหรือดีกว่าคาด ได้แก่หุ้น BWG ,TPCH ,SEAFCO ,SQ, COM7, PYLON, TSE TACC, TRC, SAPPE และITEL 

สำหรับหุ้นที่รายงานผลกำไรชะลอตัวได้แก่ TNR, ILINK, SMT และ BKD ดังนั้นจึงแนะนำหุ้นที่รายงานกำไรดีกว่าคาด มีโอกาสปรับกำไรขึ้น และหุ้นที่มีปัจจัยหนุนให้กำไรในไตรมาสแรกปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งหุ้นเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก คาดการเริ่มขายไฟฟ้าในโครงการใหม่เพิ่มขึ้นจะหนุนกำไรให้เติบโตต่อเนื่อง และ 2) กลุ่มรับเหมาขนาดเล็ก ที่รายงานกำไรโดดเด่นจากอัตรากำไรที่ขยายตัวขึ้น คาดแนวโน้มของอัตรากำไรที่สูงจะยืนต่อเนื่องในปีนี้

สอดคล้องกับบล.เอเซียพลัส ระบุว่าหลังเสร็จสิ้นการรายงานงบการเงิน ปี 2559 ซึ่งบริษัทจดทะเบียนโดยรวม ทำกำไรรวมได้ 8.82 แสนล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 92.4 บาท เติบโตราว 37%จากงวดเดียวกันปีก่อน จากฐานกำไรที่ต่ำผิดปกติในปี 2558 ส่วนแนวโน้มในปี 2560 นั้น ได้มีการปรับปรุงประมาณการกำไรสุทธิขึ้นจากเดิมราว 4% ส่งผลให้กำไรตลาดอยู่ที่ 9.91 แสนล้านบาท (จากเดิม 9.52 แสนล้านบาท) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น101.4 บาทต่อหุ้น (จากเดิม 99.8 บาทต่อหุ้น) เติบโต 9.6%จากปีก่อน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักๆ ที่คาดว่าน่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นในปี 2560 ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก เติบโต 21% พลังงาน เติบโต 15% ธนาคารพาณิชย์ 14.3% และภายใต้ประมาณการกำไรสุทธิใหม่ อิงราคาเทียบกับความสามารถการทำกำไรสุทธิหรือพีอีเรโชที่ 16 เท่า คำนวณบนสมมติฐาน Earning Yield Gap ที่ 4.75% ทำให้ได้เป้าหมายของดัชนีหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2560 ที่ 1,622 จุด (จากเดิม 1,600 จุด)ซึ่งจะเห็นว่าจากการปรับประมาณใหม่มีการเพิ่มส่วนต่างในระดับ 3.4%ถือว่าไม่สูงมากนัก