ความเท่าเทียม ในแฟชั่นวีค 2017

มีหลายเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นในช่วงแฟชั่นวีค ประจำฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว F/W2017 ที่ล่าสุดผ่านไปแล้วสามเมือง ซึ่งเริ่มต้นขึ้นที่นิวยอร์ก ต่อด้วยลอนดอน จนมาถึงมิลาน

เราก็เลยขอพาไปสำรวจไฮไลต์ของแฟชั่นวีคซีซั่นหน้าที่กำลังจะมาถึง ว่ามีอะไรที่น่าจับตามองและอาจกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นใหม่ของคนทั่วโลกขึ้นมาได้ต่อไป

• ขนาด และสิทธิสตรี

ตอนนี้วงการแฟชั่นโลกกำลังพยายามก้าวผ่านขอบเขตเรื่องรูปร่าง เพราะในหลายโชว์มีการนำนางแบบหลายไซส์หลายขนาดมาเดินแฟชั่น โดยเฉพาะนางแบบพลัสไซส์ที่ตลอดมา ถ้าหากคุยกันถึงเรื่องความสวยความงาม ทุกคนก็จะมองว่า รูปร่างผอมเพรียวเท่านั้นจึงจะเป็นรูปร่างที่สวยงามตามที่ทุกคนควรจะมี

ในอดีต แบรนด์แฟชั่นชั้นนำของโลกต่างก็เคยคิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน แต่หลังจากวงการแฟชั่นได้ถูกมองว่า เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เด็กผู้หญิงเกิดความคิด “คลั่งผอม” ขึ้นมาในช่วงหลัง เพราะอยากมีรูปร่างที่ผอมเพรียวดั่งนางแบบ ในที่สุด ก็ถึงเวลาที่วงการแฟชั่นต้องทำการ “ไถ่บาป” กับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อขึ้นไว้

สำหรับซีซั่น F/W2017 นี้ ก็มีแบรนด์ยักษ์ใหญ่ถึงสองแบรนด์ที่ใจกล้ายอมประกาศเลยว่า “ความอ้วน” ก็คือ “ความสวย” ได้เช่นเดียวกับความผอมเพรียว ซึ่งสองแบรนด์ที่ว่าก็คือ Michael Kors และ Prabal Gurung ที่ได้มีการทำเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ของพวกเขาขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อให้นางแบบพลัสไซส์ได้สวมใส่ขึ้นมาเดินแฟชั่นเคียงข้างนางแบบผอมเพรียวบนรันเวย์ของพวกเขาใน New York Fashion Week ครั้งล่าสุด

โดย Michael Kors เลือกนางแบบอวบอ้วนที่กำลังเป็นที่ฮือฮาในตอนนี้อย่าง Ashley Graham มาเดินแฟชั่นให้กับเขา ขณะที่ Prabal Gurung ก็เลือกอีกหนึ่งนางแบบพลัสไซส์สุดฮ็อต Candice Huffine ขึ้นมาเดินแฟชั่นบนรันเวย์ของเขาเช่นกัน

แต่แบรนด์ Prabal Gurung ได้ทำให้รูปร่างของสาวอวบ กลายเป็นสิ่งพิเศษยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกหนึ่งระดับ เพราะเขาได้เพิ่มประเด็น “การเรียกร้องสิทธิสตรี” เข้ามาในแฟชั่นของเขาด้วย โดยเขาได้ใช้แฟชั่นเพื่อเรียกร้องสิทธิทุกอย่างที่ผู้หญิงควรจะได้มาในทุกประเด็นที่กำลังเป็นปัญหากันอยู่บนโลกนี้

วิธีของ Prabal Gurung ก็คือ การใช้ช่วงท้ายของโชว์หรือฟินาเล่ ทำเสื้อยืดทีเชิ้ตให้นางแบบทุกคนในโชว์ของเขาสวมใส่ โดยทีเชิ้ตแต่ละตัวก็จะมีการพิมพ์คำหรือประโยคต่างๆ ที่สื่อถึงข้อเรียกร้องในสิทธิต่างๆ ที่สตรีควรจะได้ลงไปบนเสื้อ

ในส่วนของเสื้อยืดที่ทำให้นางแบบพลัสไซส์ Candice Huffine สวมใส่ ดีไซเนอร์ Prabal Gurung ก็พิมพ์คำว่า Our Minds Our Bodies Our Power ลงไปบนเสื้อของเธอ ประกาศให้โลกรู้ว่า “ใจของเรา ร่างกายของเรา พลังของเรา”

• ฮิญาบและความเท่าเทียม

เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและน่าจับตาเป็นอย่างมากใน Milan Fashion Week F/W2017 เพราะสองแบรนด์ใหญ่อย่าง Max Mara และ Alberta Ferretti ได้เลือกให้ “นางแบบมุสลิม” ชาวอเมริกันเชื้อสายโซมาเลีย Halima Aden วัย 19ปี ขึ้นเดินแฟชั่นพรีเซนต์คอลเลคชั่นล่าสุดของแบรนด์ โดยสวมใส่ “ผ้าคลุมฮิญาบ”

นี่น่าจะเป็นครั้งแรกของวงการแฟชั่นโลกที่เลือกนางแบบสวมใส่ฮิญาบขึ้นมาเดินแฟชั่นบนรันเวย์อย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงถึงสิทธิความเท่าเทียมของมนุษย์ เพราะที่ผ่านมา ต่อให้สาวสวมฮิญาบมีหน้าตาสวยงามแค่ไหน แต่วงการแฟชั่นโลก ก็ไม่เคยเลือกพวกเธอมาเป็นนางแบบในโลกแฟชั่นกระแสหลักเลย

ก่อนหน้านี้ไม่นาน Halima เพิ่งเปิดตัวเดินแบบใน New York Fashion Week F/W2017 เป็นครั้งแรกในชีวิตไปแล้ว โดยเดินให้กับแบรนด์ Yeezy ของนักร้องหนุ่ม Kanye West ก่อนทีี่เธอจะมาต่อเนื่องความฮือฮากันใน Milan Fashion Week ครั้งล่าสุด

Halima เป็นผู้อพยพอย่างแท้จริง เพราะเธอเกิดในค่ายผู้อพยพลี้ภัยสงครามในทวีฟอัฟริกา ก่อนที่จะย้ายมาอยู่สหรัฐฯตั้งแต่อายุ 6ขวบ โดยเธอเริ่มตกเป็นข่าวในสื่อของสหรัฐฯ เมื่อตัดสินใจสมัครเข้า “ประกวดนางงาม” เวที Miss Minesota USA พร้อมยืนยันว่า จะขอเข้าประกวดโดยยังคงสวมใส่ฮิญาบตามธรรมเนียมปฏิบัติของผู้หญิงมุสลิม รวมทั้งใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิดตลอดการประกวด ซึ่งทางกองประกวดก็ยอมทำตามคำขอของเธอ จึงทำให้ Halima กลายเป็นผู้หญิงมุสลิมคนแรกของสหรัฐฯ ที่สวมใส่ฮิญาบขึ้นเวทีประกวดนางงาม

แม้เธอจะไม่ชนะ แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ และเธอก็สามารถทำตามความฝันได้สำเร็จ นั่นก็คือการสร้าง “ทัศนคติเชิงบวก” ให้เกิดขึ้นกับคนมุสลิม ที่เธอมองว่า ที่ผ่านมาสื่อชอบนำเสนอแต่ด้านลบของคนมุสลิมเท่านั้น

หลังมีชื่อจากเวทีนางงาม Halima ก็ไปเข้าตาสังกัดนางแบบดังของสหรัฐฯ อย่าง IMG ทีี่รีบคว้าตัวเธอมาเซ็นสัญญาเข้าสังกัดเดินแบบถ่ายแบบ และเปิดตัวได้อย่างฮือฮาต่อเนื่องในวงการแฟชั่นโลก 

เช่นครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีนางแบบสวมฮิญาบขึ้นเดินแฟชั่นบนรันเวย์ของแบรนด์ชั้นนำในงานแฟชั่นวีคของนิวยอร์กและมิลาน