ลุ้น ‘กลุ่มแบงก์’ กลับมานำตลาด

ลุ้น ‘กลุ่มแบงก์’ กลับมานำตลาด

ลุ้นกลุ่มแบงก์ กลับมา "นำตลาด" อีกครั้ง

2เดือนแรกปีนี้ หุ้นไทยปรับตัวขึ้นเพียง 1% จากปี 2559 ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับผลตอบแทนในช่วงเดียวกันของ2 ปีก่อน โดย2เดือนแรกปี 2559 หุ้นไทยปรับตัวขึ้น 3.44% ขณะที่ปี 2558 ปรับตัวขึ้น 5.97%

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK) ในปีนี้ ยังให้ผลตอบแทนดีเมื่อเทียบกับตลาด โดยตั้งแต่ต้นปี-24 ก.พ. กลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้น 5.5% ซึ่งให้ผลตอบแทนดีเป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มไอซีที

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดคาดการณ์ว่าสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ปี 2560 จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 5-6% จากขยายตัวเพียง 2% ในปี 2559 ซึ่งเป็นผลจากการเร่งขับเคลื่อนโครงการลงทุนของภาครัฐ กำลังซื้อในระบบขยับขึ้นและการส่งออกที่ฟื้นตัวกระตุ้นให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนหลังจากชะลอตัวมาหลายปี อุตสาหกรรมบริการและค้าปลีกขยายตัวรับการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านการด้อยค่าของสินทรัพย์ (NPL) ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและรายย่อย แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากและมีแนวโน้มว่าจะถึงจุดสูงสุดภายในปีนี้ แล้วค่อยๆ ลดลงตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป โดยธนาคารขนาดใหญ่มีความเสี่ยงเรื่องการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลมากกว่าธนาคารขนาดเล็กที่เน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเอ็นพีแอลได้แตะจุดสูงสุดไปใน 1-2 ปีก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งนี้ ประมาณการว่ากำไรธนาคารขนาดเล็ก ได้แก่ เกียรตินาคิน (KKP) ทุนธนชาต (TCAP) และทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รวมกัน จะเติบโต 15% ในปี 2560 ขณะที่กำไรของธนาคารขนาดใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพ (BBL) กสิกรไทย (KBANK) กรุงไทย (KTB) ไทยพาณิชย์ (SCB) และทหารไทย (TMB) รวมกัน จะขยายตัวเป็นเลขหลักเดียวต้นๆ ฉะนั้นโดยภาพรวมจึงให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็น Neutral

หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ราคาพื้นฐานมีอัพไซด์มากกว่าตัวอื่นในกลุ่ม คือ ไทยพาณิชย์ และทหารไทย อัพไซด์ 11-12% ส่วนธนาคารเล็กเป็นทิสโก้ และธนชาต อัพไซด์11%

หากดูจากสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มแบงก์โดยเฉลี่ยให้ผลตอบแทนชนะตลาดเพียงปีเดียวเท่านั้น คือ เมื่อปี 2557 ซึ่งกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นได้ถึง 30% ขณะที่ตลาดปรับตัวขึ้น 15% ส่วนปี 2556 และ 2558 หุ้นกลุ่มแบงก์กลับปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาด และเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้น 17% ขณะที่ตลาดเพิ่มขึ้น 19%

ขณะที่ บล.ทิสโก้ มองว่า ดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% นับจากวันที่ 20 ม.ค. เนื่องจากกลุ่มธนาคารที่รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด (การปรับลดค่าใช้จ่าย และเอ็นพีแอลที่ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน) อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเอ็นพีแอลของธปท.ในวันที่ 20 ก.พ. ยืนยันมุมมองของเราว่า คุณภาพสินเชื่อยังไม่ได้ฟื้นตัวจากช่วงไตรมาสแรกปีก่อน และเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นจาก 1.9-2% ในช่วง 4 ไตรมาสก่อนหน้า เป็น 2.6% ในช่วงไตรมาส 4/2559

โดยรวมแล้ว มองว่า หุ้นกลุ่มแบงก์จะกลับมาปรับตัวตามดัชนี SET ซึ่งนับจากเดือน ส.ค. 2559 กลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% ดีกว่าตลาดถึง 6% ขึ้นมาซื้อขายที่ค่าพีอี 10 เท่าสำหรับปี 2560 หนุนด้วยปัจจัยด้านสภาพคล่อง ขณะเดียวกันตลาดกลัวการขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไป และตลาดไม่ได้กลัวผลของคุณภาพสินเชื่อและการเข้ามาของ PromptPay