'ชีวิต' เท่ากับ 'ลงทุน' วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์

'ชีวิต' เท่ากับ 'ลงทุน' วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์

ต่อยอดทุกความสำเร็จด้วยการลงทุนคมคิด 'วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์' ลูกชายคนสุดท้อง 'เจมส์ พาวิลเลี่ยน'

'Zero sum game' เมื่อเกือบสามปีก่อน 'ฟลุ้ค-วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์' ทายาทธุรกิจเพชร 'เจมส์ พาวิลเลี่ยน' ลูกชายคนเล็กจากจำนวนพี่น้อง 4 คน ดีกรีปริญญาโท การจัดการวิศวกรรม Rensselaer Polytechnic Institute ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยมีความคิดเช่นนี้ต่อการลงทุนในตลาดหุ้น แม้จะยังไม่เคยลงแข่งสนามจริงสักครั้งก็ตาม

ทว่าเมื่อได้ลองผิดลองถูกในเกมหุ้นด้วยตนเอง บวกกับได้ซึมซับวิธีคิดของนักลงทุนรุ่นลายครามหลากหลายคน เช่น 'นเรศ งามอภิชน' ทำให้ 'นักบริหารวัย 39 ปี' ไม่รอช้าตัดสินใจเจียดเวลา 30% จากงานประจำมาลงทุนในตลาดหุ้นและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจังตั้งแต่กลางปี 2557

ผลการลงทุนตลาดหุ้นในช่วงปีแรก (ปี 2557) มือใหม่หัดลงทุน โกยกำไรเข้ากระเป๋าเหนาะๆ 30% หลังอัดเงิน 'ร้อยล้าน' ใน หุ้น บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS ไม้เดียว แม้เขาจะจำสตอรี่ดันราคาหุ้น จาก 6 บาท สู่ระดับ 9 บาท ภายในระยะเวลา 3 เดือนไม่ชัดนัก

เมื่อนักลงทุนหนุ่มเกิดติดใจในรสชาติของกำไร เขาไม่รอช้า อัดเงินลงทุนต่อเนื่องใน หุ้น วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย หรือ VGI ที่ระดับราคา 10 บาทต่อหุ้น ทว่าผลการลงทุนช่วงแรกกับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ

สะท้อนผ่านราคาหุ้น VGI ที่ถูกลดระดับลงต่อเนื่อง จาก 14 บาท เหลือ 6 บาท หลังบริษัทตัดสินใจยกเลิกสัญญาการรับสิทธิในการบริหารและจัดการพื้นที่โฆษณาในโมเดิร์นเทรดเมื่อปี 2558

ผลงานที่ไม่ราบรื่นในครั้งนั้น ทำให้หนุ่มฟลุ้ค 'ขาดทุนหนักหลายสิบเปอร์เซ็นต์' ก่อนจะกลับมาชนะในช่วงหลังของการลงทุน หลังราคาหุ้นดีดขึ้นเหนือต้นทุนรอบใหม่ 4 บาท บทเรียนครานั้นถือเป็นครูชั้นยอดของการลงทุน

'ทุกครั้งที่ขาดทุนหนัก จิตวิทยามักมีส่วนรวมเสมอ พิสูจน์ได้จากราคาหุ้นหลายตัวที่ปรับลดลงต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งผมไม่สันทัดเรื่องจิตวิทยา' 
'วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์' ยืนยันเช่นนั้นกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' 

เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา บทเรียนที่ได้รับจากการลงทุนในตลาดหุ้นมีมากมาย เรื่องหนึ่งที่ได้รับจากนักลงทุนรุ่นใหญ่ที่อยู่รอบตัว คือ ไม่มีใครประสบความสำเร็จจากการเล่นสั้น เมื่อความคิดตกผลึก เมื่อไม่นานมานี้จึงตัดสินใจปรับวิธีคิดใหม่

ด้วยการหันมาลงทุนระยะยาวมากขึ้น จากเดิมที่ลงทุนสั้นมาตลอด ถือสั้นสุดแค่ 1 นาที เหตุผลง่ายๆ ของการปรับกลยุทธ์ คือ ไม่อยากนำเงินไปเสี่ยงกับการลงทุน สุดท้ายต้องกลับมาดูว่า การลงทุนในรูปแบบใดที่เหมาะกับตัวตนของเรา โดยที่ไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา

อีกบทเรียนสำคัญที่ได้รับจากการลงทุน นั่นคือ บางครั้งพิจารณาข้อมูลดีแล้วก่อนตัดสินใจลงทุน แต่สุดท้ายเกมพลิก เช่น ก่อนเข้าลงทุนมีโอกาสพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเจ้าของตัวจริง หรือบินไปดูโครงการที่อาจสร้างเงินในอนาคต แต่เมื่อลงทุนไปสักพักกับพบว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน
นิทานเหล่านั้นสอนให้รู้ว่า 'บนโลกของตลาดหุ้นมักมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นเสมอ'

เขา ยืนยันว่า การลงทุนในตลาดหุ้นใช่มีแต่เรื่องไม่ชวนยิ้ม เพราะในมุมหนึ่งนักลงทุนจะได้เจอผู้บริหารมืออาชีพ ถือเป็นช่วงของการดูดวิธีคิดเพื่อนำมาปรับใช้ในการลงทุนและการทำงาน ยกตัวอย่างเคสที่น่าประดับใจ

ก่อนตัดสินใจลงทุน หุ้น ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI สัดส่วน 1% เมื่อต้นปี 2559 มีโอกาสเจอ 'โด่ง-พีระพงศ์ จรูญเอก' ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ในงานนำเสนอข้อมูลบริษัทที่บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

เจ้าของออริจิ้น อธิบาย คีย์ซัคเซสที่ทำให้องค์แห่งนี้อยู่เหนือคู่แข่งท่ามกลางกำลังซื้อหดตัว นอกจากหนีไปทำงานในดินแดนที่การแข่งขันยังไม่สูงแล้ว นั่นคือ การเดินไปเคาะประตูบ้านเพื่อขอซื้อที่ดินจากเจ้าของโดยตรง

โดยจะยื่นข้อเสนอไปสองตัวเลข เพื่อให้เจ้าของตัดสินใจ ซึ่งข้อเสนอแรกบริษัทยินดีจ่ายเงินระดับนี้ หากเจ้าของต้องการเงินทันที ส่วนข้อเสนอที่สอง หากเจ้าของรอให้โครงการพัฒนาไปสักระยะจะได้ตัวเลขที่มากกว่าข้อเสนอแรก

'โมเดลลักษณะนี้จะทำให้ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น หรือ ROE อยู่ในระดับสูง บังเอิญวิธีคิดลักษณะนี้คล้ายของเพื่อนสนิทที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาคใต้ ส่วนตัวมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีมาก'

เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายนี้ยังสอนให้นักลงทุนหนุ่มรู้อีกว่า การเพิ่มมูลค่าที่ดินในมือควรทำอย่างไร ก่อนหน้านี้ออริจิ้น ซื้อที่ดินแปลงใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา เพื่อนำไปพัฒนาเป็นโรงแรม คอนโดมิเนียม และช้อปปิ้งมอลล์ขนาดเล็ก

โดยจะเริ่มพัฒนาโรงแรมก่อนแล้วค่อยสร้างช้อปปิ้งมอลล์ จากนั้นจะขึ้นคอนโดมิเนียม ซึ่งการสร้างแลนด์มาร์คด้วยวิธีนี้จะทำให้มูลค่าที่ดินในเมือขยับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อขายสินทรัพย์เหล่านั้นเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มูลค่ายิ่งเพิ่มขึ้น

'วันนี้มีกำไรจากการลงทุนหุ้นออริจิ้น 'ร้อยเปอร์เซ็นต์' แล้ว ตั้งใจจะถือลงทุนตัวนี้ไปยาวๆ หากพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง อย่างน้อยการลงทุนในหุ้นที่เจ้าของเก่งๆ ก็ทำให้เงินของเรางอกเงยโดยไม่ต้องลงแรง'

เมื่อถามถึงวิธีการคัดหุ้นเข้าพอร์ต 'เจ้าของพอร์ตหลักร้อยล้าน' บอกว่า ส่วนใหญ่จะพิจารณาทรงกราฟและพื้นฐานบริษัทประกอบการลงทุน ในฟากของเทคนิคจะเน้นหุ้นที่มีกราฟแบนราบ ซึ่งหุ้นลักษณะนี้คงหายากหน่อยในปัจจุบัน แต่ละปีมักมาให้จับไม่เกิน 2 ตัว

'จังหวะเข้าออกสำคัญมาก ฉะนั้นบางครั้งจำเป็นต้องพึ่งเส้นเทคนิค' 

ส่วนตัวจะไม่ได้พิจารณาข้อมูลสำคัญทางการเงินตัวไหนเป็นหลัก ขอเพียงองค์กรแห่งนั้นมีอัตราเติบโตมากๆในแต่ละปี ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินปันผลเยอะ ขอแค่อัตราหนี้สินต่อทุน หรอื D/E ไม่สูงก็พอ ไม่รู้ว่าวิธีคิดเช่นนี้ถูกหรือผิด

ยกตัวอย่าง ออริจิ้น ปีก่อนวางเป้าหมายการเติบโตร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนปีนี้โต 50% แต่หลังเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ไม่สามารถทำงานได้ตามแผน ทำให้เป้าหมายสะดุด แต่เมื่อลองพิจารณาดีๆบวกกับปรึกษากูรูด้านการลงทุนก็เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่ยอดขายจะมาเบ่งบานในปีนี้ ฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะถอนหุ้นออก

'คาดหวังจะมีผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 25-30% แต่เมื่อนำวิธีคิดของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนเก่งรอบข้าง หรือเปรียบเทียบกับหนังสือหุ้นเล่มต่างๆ ที่เคยอ่านมา ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า ต้องทำได้เกินเป้าหมายแน่นอน หลังทดลองลงทุนตามแนวทางของตนเองแล้วพบว่า มีผลตอบแทนที่ดี'

'งาน-เงิน-จิตใจ' เรื่องต้องยกระดับ

นักลงทุนวัย 39 ปี เล่าว่า ในชีวิตจะลงทุนอยู่ 3 เรื่อง นั่นคือ 1.ลงทุนกับงาน 2.ลงทุนกับเงิน และ 3.ลงทุนกับจิตใจร่างกาย ในฝั่งของงานจะใช้เวลามากกว่า 70% เพื่อบริหารงานในเจมส์ พาวิลเลี่ยน ถือเป็นการส่งต่อความรักและตอบแทนทุกคนในครอบครัว ลูกน้อง และลูกค้า

หลังองค์กรแห่งนี้ ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อน จากน้ำพักน้ำแรงของมารดา พี่สาวคนโตและพี่ชายคนกลางที่อายุห่างกัน 9 ปี และ 7 ปี ตามลำดับ หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดร้านทองในจังหวัดราชบุรีมาแล้วระดับหนึ่ง

ส่วนในฝั่งลงทุนกับเงิน เมื่ออยากได้เงินมากขึ้น จำเป็นต้องต่อยอดเงิน ด้วยการลงทุนในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ เรื่องไหนไม่เชี่ยวชาญต้องขอคำปรึกษาจากกูรู

แม้พอร์ตหุ้นจะไม่ได้ขยายตัวก้าวกระโดด เพราะดึงกำไรออกมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทางภาคใต้กับเพื่อนสนิท แต่ก็ถือว่าสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าที่คิด ส่วนผลกำไรจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ 3-4 โปรเจค ถือว่าทำได้ดีเฉลี่ย 30-40%

'ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นมีหน้าตาเซ็กซี่กว่าการลงทุนสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ' 

สำหรับการลงทุนกับจิตใจ ที่ผ่านมาเลือกพัฒนาจิตใจ ด้วยการลงทุนศึกษาพุทธศาสนา เริ่มต้นหันหน้าเข้าสู่แหล่งธรรมะช่วงนั่งทำงานใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นหาทางออกให้เรื่องการทำงานไม่ได้ หลังไม่มีใครสอนงานสักคน ทำให้ต้องทำงานหนัก 6 วัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม หวังจะซึมซับความรู้จากช่างจิวเวอร์รี่ให้ได้มากที่สุด

เมื่อหาทางออกให้กับชีวิตการทำงานไม่ได้ ก็เริ่มอ่านหนังสือเรื่อง 'คู่มือมนุษย์' ของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่มีคนรู้จักหยิบยื่นให้ ก่อนจะตัดสินใจไปปฏิบัติธรรม แม้ตลอด 3 วันจะอึดอัด เพราะต้องปิดวาจา แต่เมื่อตื่นนอนในวันสุดท้ายกับพบว่า เรามองโลกสวยงามขึ้นกว่าเดิม

หลังกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ไม่นาน ตัดสินใจลาบวชวัดป่าภาคอีสานนาน 2 เดือน ทุกวันนี้ เจมส์ พาวิลเลี่ยน มักจัดคอรส์ปฏิบัติธรรมให้เหล่าพนักงานเป็นประจำ หลังพิสูจน์ได้แล้วว่า ธรรมมะขัดเกลาจิตใจ

นายน้อย ทิ้งท้ายว่า ก่อนขึ้นนั่งเก้าอี้ กรรมการผู้จัดการ เจมส์ พาวิลเลี่ยน งานชิ้นแรกที่ได้รับมอบหมาย คือ ชั่งน้ำหนักเพชรพลอย ก่อนจะขยับมาดูเรื่องสายการผลิต ความยากของ งานสายนี้คงหนีไม่พ้นการใช้ศิลปะขั้นสูงในการทำงาน เพราะเครื่องประดับเป็นงานคอมเมอร์เชียลอาร์ต ฉะนั้นต้องใส่ใจรายละเอียดมากเป็นพิเศษ

'เพชรเก็งกำไรได้ แต่ไม่แนะนำ อยากให้มองที่คุณค่ามากกว่า เพราะผลตอบแทนมักขึ้นลงตามองค์ประกอบต่างๆ เช่น อัตราแลกเปลี่ยน และราคาเพชรตลาดโลก ที่สำคัญเพชรมีหลากหลายเกรด ฉะนั้นอาจถูกกดราคาได้ หากไม่มีความรู้ที่มากพอ'