'ประวิตร' เมินธรรมกายยื่นเอกสารยูเอ็น แจงไม่ได้ไปคุกคามใคร

'ประวิตร' เมินธรรมกายยื่นเอกสารยูเอ็น แจงไม่ได้ไปคุกคามใคร

“ประวิตร” ระบุตร.ต้องยกระดับบริการแจ้งความโรงพัก ให้ปปช.เป็นคนประเมิน-ไม่สน "ธรรมกาย"ยื่นเอกสารยูเอ็น แจงเป็นเรื่องในประเทศ ไม่ได้คุกคามใคร

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับการขับเคลื่อนแนวทางการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจว่า ผมอยากให้ตำรวจให้การบริการประชาชนโดยต้องให้เกิดความชัดเจนว่าในแต่ละโรงพักต้องทำอย่างไร หากมีประชาชนมาแจ้งความจะต้องทำอย่างไร ซึ่งตนได้ให้แนวทางไปแล้วว่าจะต้องดำเนินการยกระดับในเรื่องอะไรบ้าง ส่วนการประเมินผลนั้นไม่ได้วางกรอบระยะเวลา สามารถเริ่มทำได้เลย และให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินว่าดีขึ้นอย่างไร นอกจากนี้ยังห่วงเรื่องการจราจร ซึ่งขณะนี้มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 15 สาย ทำให้เสียพื้นที่ไป 10% หรือมากกว่านั้น ซึ่งส่งผลเรื่องสภาพการจราจรติดขัด ก็ได้สั่งกำชับให้ลงไปดูเรื่องนี้ด้วยว่าจะช่วยบรรเทาให้จราจรดีขึ้นอย่างไร

เมื่อผู้สื่อถามถามถึงประกาศคสช.เรื่องบังคับใช้ม.44 ทางพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราอยากให้ประเทศดีขึ้นจึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษเพิ่มขึ้น เพื่อใช้แก้ปัญหาทั้งเรื่องสภาพเศรษฐกิจ ความมั่นคง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ส่วนกรณีสถานการณ์ที่วัดพระธรรมกายโดยทางลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย มีแนวโนมว่าจะยื่นเอกสารให้กับองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เพื่อช่วยยุติสถานการณ์ จากที่รัฐบาลประกาศใช้ มาตรา 44 พล.อ.ประวิตรระบุว่า เป็นเรื่องภายในประเทศ ไม่กระเทือนอะไรเพราะไม่ได้ไปคุกคามใคร ที่ทำอยู่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมาย

“ การบังคับใช้กฎหมาย เมื่อมีคนกระทำผิดแล้วเจ้าหน้าที่สงสัยว่าอยู่ที่ไหน หากตำรวจไม่มีสิทธิเข้าไปค้นเข้าไปตรวจสอบ แบบนี้มันใช้ได้ไหม มันใช้ไม่ได้ ต้องเปิดให้เจ้าหน้าที่เขาเข้าไปดู เขาเข้าไปดูเฉยๆ ไม่มีก็จบ เจ้าหน้าที่เขาก็ออกมา จะไปอยู่เป็นเอกเทศ เอกภาพของตัวเองได้อย่างไร ” พลเอกประวิตร กล่าว 

ส่วนสถานการณ์ที่มีท่าทีว่าจะรุนแรงขึ้น พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าสามารถควบคุมได้ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามข้อบังคับของกฏหมายอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ยังไม่กังวลเรื่องมือที่สาม