ปลูกพืชใช้น้ำน้อยที่บุรีรัมย์ รายได้เดือนละกว่า4หมื่น

ปลูกพืชใช้น้ำน้อยที่บุรีรัมย์ รายได้เดือนละกว่า4หมื่น

เกษตรกรกว่า20ราย ปรับเปลี่ยนพื้นที่จากที่ปลูกมันสำปะหลัง แต่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ หันมาปลูกพืชอายุสั้นขาย รายได้เดือนละกว่า 4 หมื่น

จากที่เกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกมันสำปะหลัง ต่างประสบปัญหาราคามันตกต่ำต่อเนื่องมา 2 ปี ส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ มีภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้น จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เกษตรกรบ้านผาแดง ม.4ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ กว่า 20 ราย ตัดสินใจปรับเปลี่ยนพื้นที่จากเดิมที่ปลูกมันสำปะหลัง หันปลูกพืชหมุนเวียนทั้งอายุสั้นและระยะยาว

นายสวาท จำปาสาสว่างวงศ์ เกษตรกรบ้านผาแดง อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากประสบปัญหาราคามันตกต่ำต่อเนื่องมา 2 ปี จึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยปลุกมันทั้งหมด 25 ไร่ หันมาปลูกพืชหมุนเวียนทั้งอายุสั้นและยาว ที่สามารถผลผลิตได้ในราคาสูงกว่ามันเพื่อความอยู่รอด ในพื้นที่ปลูกพืชผักหลากหลายชนิดมีทั้งพืชระยะสั้นอย่าง ข้าวโพด แตงโม มะละกอ ถั่วฟักยาว กล้วยหอมทอง และกล้วยน้ำหว้า ซึ่งสามารถเก็บผลผลิตขายได้ภายในระยะเวลา 3–4 เดือน และปลูกไม้ยืนต้นอย่างทุเรียนเพื่อเก็บผลผลิตขายในระยะยาวอีกด้วย หลังจากปรับเปลี่ยนมาแล้ว1ปี ก็มีรายได้จากการเก็บผลผลิตส่งขายเดือนละกว่า 40,000 บาท

สาเหตุที่ตัดสินใจปรับเปลี่ยนปลูกพืชหมุนเวียนผสมผสาน เพราะประสบปัญหาขาดทุนจากราคามันสำปะหลังที่มีราคาตกต่ำ จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปลูกพืชชนิดอื่น ที่สามารถขายได้ราคาสูงกว่าแทน อย่างไรก็ตามเรียกร้องให้รัฐบาลได้แก้ไขปัญหา หรือพยุงราคามันสำปะหลังไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2.50 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ยังปลูกมันสำปะหลังอยู่อีกเป็นจำนวนมากด้วย