ลุ้น 'หุ้นเดินเรือ' พ้นวิกฤติไตรมาสแรก

ลุ้น 'หุ้นเดินเรือ' พ้นวิกฤติไตรมาสแรก

ลุ้น “หุ้นเดินเรือ” ผ่านจุดต่ำสุดของอุตสหากรรมในไตรมาสแรกปีนี้

ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6 วันติดต่อกัน ถึง 17.6% จาก 685 จุด ขึ้นมาอยู่ที่ 806 จุด หลังจากที่ปรับตัวลดลงแรงตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 1,257 จุด หากมองย้อนไปตั้งแต่ต้นปี 2559 ซึ่งดัชนีค่าระวางเรือลงไปทำจุดต่ำสุดตลอดกาลที่ 290 จุด อาจจะพอมองได้ว่าค่าระวางเรือน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

สำหรับบริษัทจดทะเบียนไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดินเรือ ได้แก่ พรีเชียส ชิปปิ้ง (PSL) และโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) อาร์ ซี แอล (RCL) และจุฑานาวี (JUTHA) โดย 3 ใน 4 ของกลุ่มนี้ยังซื้อขายกันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ยกเว้นเพียง พรีเชียส ชิปปิ้ง ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเท่าตัวในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา

สยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีค่าระวางเรือช่วงไตรมาสแรกจะปรับตัวลดลงเป็นปกติ จากการหยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีน และจะกระทบถึงหลังตรุษจีนอีก 1-2 สัปดาห์ ฉะนั้นในช่วง 1 เดือนที่เหลือของไตรมาสแรกนี้น่าจะเห็นค่าระวางเรือค่อยๆ เป็นทิศทางการปรับขึ้น อย่างในช่วง 6 วันที่ผ่านมา และหากสถานการณ์เป็นอย่างที่ผ่านมา ค่าระวางเรือในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ ก็น่าจะสูงกว่าปีก่อนได้ เพราะจุดต่ำสุดในไตรมาสแรกปีนี้ ยกตัวขึ้นมาจากปีก่อน

ภาพรวมปีนี้ค่าระวางเรือน่าจะสูงกว่าปีก่อน แต่จะเป็นเท่าใดนั้น คงคาดการณ์ได้ยาก เพราะผันผวนค่อนข้างมาก โดยปัจจัยสนับสนุนหลักคือความต้องการใช้บริการขนส่งยังเติบโตได้ 2-3% แต่อุปทานน่าจะติดลบ เพราะเรือใหม่ชะลอเข้ามา และมีการปลดระวางเรือเก่า”

ทั้งนี้ มองว่าโทรีเซนไทย เอเยนต์ซี น่าจะโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม เพราะด้วยค่าระวางเรือที่เท่ากัน ทีทีเอจะได้เปรียบจากต้นทุนที่ต่ำกว่า ขณะที่การฟื้นตัวของราคาน้ำมันจะช่วยให้ธุรกิจให้บริการเรือขุดเจาะใต้ทะเลฟื้นตัวกลับมาได้ ซึ่ง 2 ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจหลักของบริษัท อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันถือว่ามีอัพไซด์ไม่สูง ฉะนั้นคงต้องติดตามการฟื้นตัวของค่าระวางเรือและราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ธุรกิจของจุฑานาวี จะคล้ายกับทีทีเอ และพรีเชียส ชิปปิ้ง ซึ่งให้บริการเรือเทกอง แต่จะมีขนาดเล็กกว่า ส่วนอาร์ ซี แอล ค่าระวางจะไม่ได้อิงกับดัชนี BDI เป็นหลัก เพราะเป็นเรือขนส่งคอนเทนเนอร์ แต่โดยภาพรวมแล้วธุรกิจขนส่งทางเรือจะไปในทิศทางเดียวกัน ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของพรีเชียสจะขาดทุนต่ออีกในปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากพบว่าค่าเฉลี่ย BDI อ่อนตัวลงมาในช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งเป็นสภาวะปกติในช่วงตรุษจีน อีกทั้งพบว่า ตลาดเรือเทกอง มีเรือใหม่ที่เข้ามาให้บริการหลังจากเลื่อนรับมอบมาจากปลายปี 2559

ภาพรวมยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากทิศทางตลาดเรือเทกองในปี 2560 ดูฟื้นตัวจากปีก่อนได้ ผลักดันจากอุปสงค์ตลาดคาดขยายตัวต่อเนื่อง 2% สนับสนุนจากนโยบายถ่านหินของจีนที่อนุญาตให้เปิดทำการเหมืองได้ 330 วัน ส่วนผู้ผลิตสินแร่เหล็กรายใหญ่ ก็มีการเพิ่มกำลังการผลิตจำนวนมาก ขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือเล็กขนาด Handysize และ Supramax ซึ่งเป็นส่วนหลักของบริษัทจดทะเบียนในไทย ล่าสุดขึ้นมายืนเหนือ 8,100 ดอลลาร์ อีกครั้ง เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ต่ำเพียง 3,300 ดอลลาร์ 

บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ดัชนีค่าระวางเรือที่ฟื้นตัวกลับมานี้ เป็นมุมมองเชิงบวกต่อพรีเชียส ชิปปิ้ง และแนะนำถือหุ้นดังกล่าวต่อไป ประเมินว่าดัชนีค่าระวางเรือมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อในช่วงถัดไปจากปริมาณอุปทานที่จำกัด และปริมาณอุปสงค์ที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก