SAMTEL - ซื้อ

SAMTEL - ซื้อ

ฟื้นตัว QoQ ส่งสัญญาณเป็นขาขึ้นในปี 2560

กำไรหลักสูงกว่าคาดและส่งสัญญาณฟื้นตัว QoQ

SAMTEL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 ที่ 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY และ 32% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 4/59 ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ล้านบาทและขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ 7 ล้านบาท กำไรหลักอยู่ที่ 44 ล้านบาท ลดลง 44% YoY แต่เพิ่มขึ้น 59% QoQ ถึงแม้ว่ากำไรหลักลดลง YoY แต่การฟื้นตัวของกำไรหลักในไตรมาสนี้ QoQ ถือว่าน่าประทับใจ ซึ่งเป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้น ผลประกอบการไตรมาส 4/59 บ่งบอกว่ากำไรหลักผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/59 รวมถึงมูลค่างานใหม่ที่เซ็นสัญญาและมูลค่างานโครงการที่รอรับรู้เป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก กำไรสุทธิถือว่าเป็นไปตามคาด แต่กำไรหลักสูงกว่าคาด 25% เนื่องจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 20.8% ในไตรมาส 4/58 มาอยู่ที่ 17.6% ในไตรมาส 4/59 แต่ถือว่าฟื้นตัวกลับแข็งแกร่งจาก 14.2% ในไตรมาส 3/59

สรุปประเด็นผลประกอบการ

กำไรหลักที่หดตัวลงอย่างมาก YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกลบรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากงานโครงการพอร์ทัลเน็ตส่วนต่อขยายของกฟภ.มูลค่า 2.47 พันล้านบาทถือว่าเป็นปัจจัยที่หนุนให้กำไรขั้นต้นไตรมาส 4/59 ปรับตัวสูงขึ้น

SAMTEL ทำการเซ็นสัญญางานใหม่ในไตรมาส 4/59 คิดเป็นมูลค่า 4.76 พันล้านบาท ซึ่งรวมงานโครงการพอร์ทัลเน็ตส่วนต่อขยายของกฟภ.ดังที่ได้กล่าวข้างต้นและงานโครงการอินเตอร์เน็ตโรงเรียนของทีโอทีมูลค่า 240 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่างานโครงการใหม่ที่เซ็นสัญญาในไตรมาส 3/59 ที่ 707 ล้านบาทหรือในไตรมาส 4/58 ที่ 579 ล้านบาท มูลค่างานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (backlog) เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจาก 6.85 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/59 มาอยู่ที่ 8.78 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 4/59 หรือเพิ่มขึ้น 8% YoY และ 28% QoQ รายได้รวมไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 1.41 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY (โดยมีปัจจัยหนุนจากงานโครงการใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาไปในไตรมาส 4/59) แต่ลดลง 7% QoQ (เนื่องจากปัจจัยด้านฤดูกาล) รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของส่วนงานธุรกิจติดตั้งวางระบบเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 40% YoY และ 216% YoY ตามลำดับ

แนวโน้ม

บริษัทตั้งเป้าที่จะเซ็นสัญญางานโครงการใหม่มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทในปี 2560 (เพิ่มขึ้น 32% จาก 7.57 พันล้านบาทในปี 2559) และตั้งเป้ารายได้ปี 2560 ที่ 9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 57%) เราเชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวอาจจะดูสูงเกินไป และเราใช้สมมติฐานอย่างอนุรักษ์นิยมว่ามูลค่างานโครงการใหม่ที่จะเซ็นสัญญาในปีนี้อยู่ที่ 8 พันล้านบาทและรายได้ปี 2560 ที่ 6.8 พันล้านบาท ทั้งนี้เราคาดว่าจะมีงานโครงการขนาดใหญ่ 3 โครงการที่จะเซ็นสัญญาในปีนี้ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในไตรมาส 2/60 มูลค่างานโครงการใหม่ที่เซ็นสัญญามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 2 พันล้านบาทในไตรมาส 1/60 มาอยู่ที่ 4 พันล้านบาทในไตรมาส 2/60 ถ้าสามารถเซ็นสัญญางานโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐซึ่งมีมูลค่า 3 พันล้านบาทได้ทัน เราคาดกำไรหลักไตรมาส 1/60 ที่ 85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY และ 94% QoQ เนื่องจากการรับรู้รายได้บางส่วนจากงานโครงการใหม่ที่เซ็นในช่วงไตรมาส 4/59-1/60 และอัตรากำไรขั้นต้นที่จะเพิ่มขึ้นจากงานโครงการที่เน้นรายได้บริการที่เพิ่มมากขึ้น เราคาดว่ามูลค่างานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้มีแนวโน้มอยู่ที่ 9 พันถึง 1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1/60

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ของเราไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

คำแนะนำ

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากกำไรสุทธิปี 2560 คาดว่าจะเติบโตมากเป็นเท่าตัว หนุนโดยมูลค่างานโครงการใหม่ที่เซ็นสัญญาเพิ่มขึ้น การเปิดประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด เราเชื่อว่ากำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา และปี 2560 จะเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้งเนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการภาครัฐที่จะเพิ่มขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งในช่วงสิ้นปี 2560 หรือในช่วงครึ่งแรกของปี 2561