BEM - ซื้อ

BEM - ซื้อ

ไตรมาส 4 ต่ำกว่าคาด; ก้าวสู่หนทางที่สดใสในไตรมาส 1/60

ต่ำกว่าคาด

BEM รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 ที่ 592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 947% YoY แต่ลดลง 27% QoQ หากไม่รวมกำไรจากการลงทุน 31 ล้านบาท กำไรหลักไตรมาส 4/59 จะอยู่ที่ 561 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY แต่ลดลง 31% QoQ ผลประกอบการต่ำกว่าที่เราคาด 15% และต่ำกว่าที่ตลาดคาด 24% เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่าคาด

ประเด็นหลักผลประกอบการ

กำไรหลักที่เพิ่มขึ้น YoY นั้นมีปัจจัยหนุนจาก 1) ปริมาณการจราจรบนทางด่วนที่เพิ่มขึ้น (ปริมาณจราจรเฉลี่ยต่อวันรวมระหว่าง BECL+NECL เพิ่มขึ้น 3% YoY มาอยู่ที่ 1.2 ล้านเที่ยวต่อวัน), 2) ค่าผ่านทางด่วนเฉลี่ย(เพิ่มขึ้น 5% YoY มาอยู่ที่ 22.2 บาทต่อเที่ยว), 3) จำนวนเที่ยวใช้บริการรถไฟฟ้า MRT ที่เพิ่มสูงขึ้น (จำนวนเที่ยวเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 6% YoY มาอยู่ที่ 281,953 เที่ยว), 4) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 9.8% จาก 12.3% ในไตรมาส 4/58 และ 5) ดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับลดลงจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง (ลดลง 53% YoY)

ในขณะที่กำไรหลักที่ปรับตัวลดลง QoQ นั้นมีสาเหตุมาจาก 1) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (เพิ่มขึ้น 16% QoQ) เนื่องจากการดำเนินงานเต็มไตรมาสของรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนเส้นใหม่ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 6 ส.ค. และ 22 ส.ค. ปี 2559 ตามลำดับ, 2) ) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 8.4% ในไตรมาส 3/59 และ 3) ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 30% QoQ) เนื่องจากยอดสินเชื่อคงค้างที่สูงขึ้น

แนวโน้ม

เราคาดว่ากำไรไตรมาส 1/60 ของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งได้แรงหนุนจากปริมาณการจราจรทั้งบนทางด่วนและ MRT, การรับรู้รายได้จากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนเส้นใหม่ และค่าใช้จ่ายต่างๆกลับสู่ภาวะปกติ จากข้อมูลในอดีตบ่งชี้ถึงปริมาณการใช้ทางด่วนและระบบขนส่งมวลชน ซึ่งโดยปกติจะปรับตัวสูงขึ้น 1% และ 2% QoQ ตามลำดับในช่วงไตรมาสแรก

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เรายังคงประมาณการกำ ไรสุทธิปี 2560 ของเราที่ 3,754 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง

คำแนะนำ

ในมุมมองของเรา ความคาดหวังต่อการเติบโตของกำไรหลัก QoQ ในไตรมาส 1/60 และอัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทที่แข็งแกร่งถึง 25% ในช่วงปี 2559-2561 ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการขนส่งภาคพื้นดินของไทยและสูงกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของตลาดที่ 8% ในปี 2559-2561 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไปได้ ทั้งนี้เรามองว่ายังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในระยะยาวจากสิทธิในการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วงและ ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน รวมถึงธุรกิจการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สำหรับ
เส้นทางระบบขนส่งมวลชนใหม่ ทั้งนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลง 8% จากการปรับลดคำแนะนำครั้งล่าสุดของเรา ซึ่งทำให้มูลค่าหุ้นปัจจุบันน่าสนใจมากขึ้น โดยปัจจุบันซื้อขายกันที่ PEG ณ สิ้นปี 2560 ที่ 0.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 2.0 เท่า ดังนั้นเราจึงปรับคำแนะนำของเราเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ”