ธนารักษ์ให้เวลาทอท.คิด30วัน ปมค่าเช่าใหม่

ธนารักษ์ให้เวลาทอท.คิด30วัน ปมค่าเช่าใหม่

"กรมธนารักษ์" ให้เวลา "ทอท." พิจารณาแนวทางการจ่ายค่าเช่าใหม่ใน 30 วัน หากไม่รับต้องเจรจากันใหม่ ชี้ไม่กระทบทอท.แน่นอน

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการหารือกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เกี่ยวกับการเปลี่ยนการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุ ในพื้นที่ส่วนที่ไม่ใช่จากการบิน หรือ Non-AERO สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นแบบ การจ่ายค่าเช่าแบบผลตอบแทนเปรียบเทียบกับมูลค่าทรัพย์สิน หรือ ROA ในอัตรา 3% ว่า ขณะนี้ได้ให้เวลา AOT 30 วัน เพื่อกลับไปพิจารณาในส่วนของพื้นที่ที่ไม่ใช่การบินว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งยืนยันว่า ในอัตรา 3% ที่จะเรียกเก็บนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อ AOT อย่างแน่นอน เนื่องจากในปัจจุบัน AOT มีผลตอบแทนจากการให้เช่าพื้นที่ 3-5%

ในส่วนของพื้นที่ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน หรือ AERO นั้น ยังคงจัดเก็บในรูปแบบการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ หรือ Revenue Sharing ที่อัตรา 5% เช่นเดิม

"ก็ให้เวลา AOT กลับไปพิจารณาไปคุยหารือกับนักลงทุนให้เรียบร้อยแล้วกลับมาสรุปว่าจะรับกับข้อเสนอหรือไม่ ซึ่งหากรับไม่ได้ก็กลับมาเจรจาอีก ตอนนี้ให้เวลาเขากลับไปสำรวจพื้นที่การบิน กับที่เป็นการพาณิชย์ ซึ่งในแต่ละปีกรมฯมีรายได้จากการเก็บค่าเช่าของ AOT โดยสนามบินสุวรรณภูมิ 1,500 ล้านบาท และสนามบินดอนเมือง 500 ล้านบาท ขณะที่ต่างจังหวัดมีอัตราค่อนข้างน้อย เนื่องจากบางสนามบินยังผลการขาดทุน" นายจักรกฤศฏิ์ กล่าว

สำหรับการคำนวณค่าเช่าในรูปแบบใหม่นั้น จะเป็นมาตรฐานใช้กับบริษัทอื่นๆที่มีการเช่าพื้นที่ด้วย ซึ่งขณะนี้กรมฯอยู่ระหว่างหารือกับบริษัท บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะใช้การเรียกเก็บตาม ROA เช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของอัตรานั้นจะต้องพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากในแต่ละบริษัท การทำธุรกิจไม่เหมือนกัน ซึ่งในส่วนของทั้ง 2 บริษัท ดังกล่าว หากเรียกเก็บตามมูลค่าทรัพย์สินอาจไม่เหมาะสมนัก เนื่องจากผลตอบแทนกำไรที่ได้นั้นจะขึ้นอยู่กับการผลิต เป็นต้น

สำหรับการจัดเก็บรายได้ของพื้นที่ราชพัสดุรูปแบบใหม่นั้น จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1.ที่ดินใหม่ ซึ่งจะจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมในการใช้พื้นที่ 2.ค่าเช่า 3.ส่วนแบ่งรายได้ เป็นต้น โดยภายหลังจากการปรับเปลี่ยนอัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากการให้เช่าพื้นที่นั้น คาดว่าจะส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2560 กรมฯจะมีรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท จากปี 2559 ที่อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท

ในส่วนของการจัดเก็บค่าเช่าจากอาคารพาณิชย์นั้น ได้มีการเรียกเก็บในอัตราใหม่เช่นเดียวกัน โดยมีผลตั้งแต่ 2560 เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ สำหรับผู้เช่าเดิมนั้จะให้เวลาถึงปี 2561 แต่หากเป็นผู้เช่ารายใหม่นั้นจะคิดอัตราใหม่ทันที