SPALI - ซื้อ

SPALI - ซื้อ

กำไรไตรมาส4/59 ตามคาด, เงินปันผลต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง

เป็นไปตามคาด

SPALI รายงานกำไรหลักที่ 1.2 พันล้านบาทสำหรับไตรมาส4/59 ลดลง 17% YoY แต่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 42% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด โดยบริษัทประกาศเงินปันผลต่อหุ้นที่ 0.55 บาท สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2559 (ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 3 มี.ค. และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พ.ค.) ซึ่งต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดเล้กน้อย เนื่องจากอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ต่ำกว่าคาดที่ 37% (จากสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลของเราเดิมที่ 40%)

ประเด็นหลักผลประกอบการ

กำไรหลักปรับตัวลดลง YoY ในไตรมาส4/59 เนื่องจากไตรมาส4/58 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของบริษัท โดยยอดขายที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลง 5% YoY มาอยู่ที่ 6 พันล้านในไตรมาส4/59 (คิดเป็นโครงการบ้านแนวราบ 64%และโครงการคอนโด 36%) รายได้จากโครงการคอนโดที่หดตัวลง 36% กลบการเติบโตของรายได้โครงกานบ้านแนวราบที่ 29% อัตรากำไรขั้นต้นของที่อยู่อาศัยลดลง 70 bps YoY มาอยู่ที่ 37.0% ในไตรมาส 4/59 สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวสูงขึ้นจากในระดับต่ำที่ 8.8% ในไตรมาส4/58 มาอยู่ที่ 11.4% โดยเมื่อเปรียบเทียบ QoQ นั้นกำไรไตรมาส4/59 เติบโตแข็งแกร่งมาจากรายได้ที่อยู่อาศัยเติบโตที่ 35% QoQ (รายได้จากโครงการคอนโดเพิ่มขึ้น 37% และจากโครงการบ้านแนวราบเพิ่มขึ้น 33%) โดยโครงการคอนโดใหม่ จำนวน 2 โครงการเริ่มทำการโอนในไตรมาส4/59 ได้แก่ ศุภาลัย วิสต้า มาเรย์ พัทยา และ ซิตี้รีสอร์ท แบริ่งสเตชั่น โดยการขยายตัวของรายได้หนุนให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวดีขึ้น 1.9% QoQ สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมพลิกฟื้นเป็นกำไรที่ 39 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 4/59 (เทียบกับไตรมาส4/58 ขาดทุนอยู่ 4 ล้านบาท และไตรมาส3/59 ขาดทุน 3 ล้านบาท) หนุนจากโครงการอสังหาฯ ทั้ง 3 แห่งในประเทศออสเตรเลีย สำหรับอัตราส่วนหนี้สินทีมีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ ณ สิ้นปี 2559 ทรงตัวอยู่ที่ 0.9 เท่า

แนวโน้ม

เราคาดว่ากำไรไตรมาส 1/60 สามารถเติบได้ QoQ ซึ่งจะโดดเด่นกว่ากลุ่มที่ลดลง QoQ ทั้งนี้เราคาดกำไรในไตรมาส1/60 น่าจะยังสามารถทรงตัว YoY ได้เช่นกันแม้ว่าจะมีฐานสูงที่ 1.4 พันล้านบาทในไตรมาส1/59 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเราคาดรายได้ที่อยู่อาศัยไตรมาส1/60 ทรงตัว YoY ได้จากยอดขายโครงการบ้านแนวราบที่พิสูจน์ว่า ประสบความสำเร็จและการเริ่มโอนโครงการคอนโดใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ ศุภาลัย มอนเต้@ เวียง เชียงใหม่ (มูลค่าโครงการ 1.7 พันล้านบาท, จองแล้ว 95%), ศุภาลัย ซิตี้รีสอร์ท @ ระยอง (มูลค่าโครงการ 490 ล้านบาท, จองแล้ว 47%) และ ศุภาลัย ลากูน ภูเก็ต (มูลค่าโครงการ 570 ล้านบาท, จองแล้ว 21%)


สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราคงคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2560 และ 2561 กอปรกับความชัดเจนของรายได้ที่สูงมากในกลุ่ม เนื่องจากยอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นปี 2560 รับประกันที่ 55% จากประมาณการรายได้ที่อยู่อาศัยของเราสำหรับปี 2560 และ 38% สำหรับปี 2561 ทั้งนี้เราคงประมาณการรายได้ที่อยู่อาศัยเติบโต 9% เป็น 2.5 หมื่นล้านบาทในปี 2560 พร้อมทั้งอาจมีโอกาสที่จะสูงกว่าคาดการณ์ สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่อาศัยในปี 2560 น่าจะกลับมาฟื้นตัว YoY จากโครงการคอนโดใหม่เริ่มโอนในปีนี้ที่มีอัตรากำไรสูงอย่างน้อย 40%

คำแนะนำ

เรายังคงชื่นชอบ SPALI เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและมีความชัดเจนของรายได้มากที่สุดในกลุ่มที่เราให้คำแนนำ โดยการเติบโตของกำไรจะมาจากทั้งธุรกิจโครงการแนวราบที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และโครงการคอนโดที่มีกำหนดเสร็จและเริ่มโอนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 52% YoY มาอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาทในปี 2560 ซึ่งมีอัตราจองซื้อเฉลี่ยที่สูงถึง 70% แล้ว และเป็นยอดขายรอรับรู้รายได้ที่มีคุณภาพเนื่องจากนโยบายการจ่ายเงินดาวน์ที่สูงถึงประมาณ 20% โดยเรามองว่ามูลค่าหุ้นยังถูกเกินไป โดยหุ้นซื้อขายที่ระดับ PER ของปี 2560 ที่เพียง 7.5 เท่า บนการคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 2560 ที่ค่อนข้างดีที่ 4.9% (นโยบายจ่ายปันผล 2 ครั้ง ต่อปี) นอกจากนี้กำไรรสุทธิอาจจะสูงกว่าคาดจากกำไรพิเศษกรณีบริษัทขายเงินลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ได้กำไร โดยเราคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2560 ที่ 30 บาท อ้างอิงจากค่า PER ที่ 9.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2549-2559 อยู่ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน