'ส.ต.ต.' ขนไอซ์ 28กก. สารภาพกระจายของให้เอเย่นต์ในกทม.

จากกรณี พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พร้อม พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 และกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าจับกุมตัว ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ งามธุระ ผบ.หมู่ งานจราจร กก.6 บก.จร. พร้มของกลางยาไอซ์น้ำหนัก 28 กิโลกรัม ได้ที่ลานจอดรถชั้น 5บี อาคาร 3 คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านซอยสุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. หลังสืบทราบว่า ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ มีพฤติกรรมลักลอบนำยาเสพติดจากเอเย่นต์รายใหญ่ทางภาคเหนือ มากักเก็บไว้ก่อนจะกระจายให้เอเย่นต์ยาเสพติดในพื้นที่ กทม. กระทั่งตำรวจสะกดรอยติดตามจนทราบว่า ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ กำลังเดินทางไปส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นและพบของกลางดังกล่าว เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ รายงานข่าวแจ้งว่าสอบปากคำ ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ เบื้องต้นรับสารภาพว่า นำยาไอซ์มาส่งให้กับลูกค้าที่ลานจอดรถของอาคารดังกล่าว ก่อนที่จะมาถูกตำรวจจับกุมได้ จากนั้นตำรวจก็นำตัว ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ ไปค้นห้องพักเลขที่ 615/76 อาคารที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. อีก 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาดเดียวกันจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงขยายผลนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาเป็นชายและหญิง รวม 2 คนเป็นชาวจ.เชียงราย ที่ส.ต.ต.พิษณุพงศ์อ้างว่าเป็นเจ้าของยาไอซ์ดังกล่าว เดินทางจากจ.เชียงราย มาลงเครื่องบินที่ สนามบินดอนเมือง เมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ในส่วนของส.ต.ต.พิษณุพงศ์นั้นรับว่าเป็นเพียงคนทำหน้าที่กระจายยาเท่านั้น โดยจะรับยามาจากภาคเหนือ ก่อนจะนำมาเก็บไว้ และไปกระจายต่อให้กับเอเย่นต์ที่มารับตามพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ตำรวจชุดจับกุมยังนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายไปสืบสวนขยายผลต่อ โดยยังไม่ได้นำส่งพนักงานสอบ ปส.1 บช.ปส. แต่อย่างไร

ขณะที่พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการสอบปากคำส.ต.ต.พิษณุพงศ์ได้ เนื่องจากยังไม่ได้สอบปากคำอย่างเป็นทางการ และขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อจับกุมเครือข่ายให้ครบ ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่ากรณีดังกล่าวได้ถูกขยายผลจนตำรวจ กก.สส.บก.น.8 ไปพบยาไอซ์อีกกว่า 80 กิโลกรัม และมีตำรวจสังกัดอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง (สังกัดกองปราบปราม) นั้น ตนขอชี้แจงว่าเป็นคนละกรณีกัน กรณียาไอซ์ 80 กิโลกรัม ต้องสอบถามกับทางนครบาล ซึ่งกรณี ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ นั้นยังไม่พบตำรวจนายอื่นเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.รณเดช กลิ่นอุทัย ผกก.กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับตัวและสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาแต่อย่างใด ทั้งนี้ทางชุดจับกุมมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 3 วันหลังจากจับกุม ก่อนนำส่งให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ แจ้งข้อหา และพิมพ์ลายนิ้วมือตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามหากรับตัวมาแล้วก็ต้องสอบสวน และตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดของกลุ่มผู้ต้องหาอย่างละเอียด ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของการดำเนินคดียาเสพติด

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ปรีชา เพ็งเภา ผกก.สน.อุดมสุข เปิดเผยว่า ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ สอบติดนักเรียนนายสิบและเพิ่งจะผ่านการอบรม ก่อนที่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 จะมีชื่อมาบรรจุเป็น ผบ.หมู่ (ป.) สน.อุดมสุข แต่ตัวของ ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ ไปปฏิบัติราชการที่ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กระทั่งวันที่ 1 ธันวาคม 2559 ได้มีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ ไปสังกัดที่บก.จร.อย่างเป็นทางการ ซึ่งตัดขาดจากตำแหน่งหน้าที่ในสน.อุดมสุขทันที ทั้งนี้ตนเคยเจอส.ต.ต.พิษณุพงศ์เพียงครั้งเดียว คือเมื่อครั้งที่มีการปฐมนิเทศน์และอบรมตำรวจใหม่ในสน.อุดมสุข ซึ่งวันนั้นตนก็ได้อบรมและเน้นย้ำตำรวจทุกนายให้ปฏิบัติและเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก รวมทั้งย้ำว่าไม่ให้ข้องเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ทั้งผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด เป็นต้น และหลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอหรือได้พูดคุยกับตำรวจคนดังกล่าวอีกเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 15.45 น. ตำรวจนำตัวผู้ต้อง 3 คน โดยสารด้วยรถตู้สีขาวเข้ามายังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เพื่อส่งต่อให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ แจ้งข้อหา และพิมพ์ลายนิ้วมือตามขั้นตอน